แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ระบุพยานไว้ 30 อันดับ เป็นพยานนำเกือบทั้งหมด เอกสารบางอย่างเห็นชัดว่าน่าจะมิได้มีอยู่ที่โจทก์จะต้องติดตามมาซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร คดีของโจทก์มีทุนทรัพย์สูง โจทก์นำสืบทนายความของโจทก์ไปแล้ว 1 ปาก ยังมิได้อ้างส่งเอกสาร เอกสาร 25 อันดับตามบัญชีระบุพยานเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้ในการสืบพยานบุคคลของโจทก์ 3 ปาก ที่เหลืออยู่ เหตุที่อ้างมาตามคำร้องว่ายังขัดข้องในเรื่องเอกสารซึ่งมีจำนวนมากยังได้มาไม่ครบนั้น ถือได้ว่าเป็นเหตุจำเป็นที่ทำให้โจทก์ยังไม่สามารถสืบพยานบุคคลที่เหลืออยู่ได้ โจทก์เพิ่งจะขอเลื่อนคดีเป็นครั้งที่สองและจำเลยทั้งสี่รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน สมควรที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เลื่อนคดีไปก่อนได้อีกครั้งหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มและค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการเวนคืนรวมเป็นเงินจำนวน 16,375,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยทั้งสี่ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องและถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน และให้จำเลยทั้งสี่นำพยานเข้าสืบจนเสร็จ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2542 และยื่นบัญชีระบุพยานไว้ 30 อันดับ ที่ต้องขอหมายเรียกมีอันดับเดียวคืออันดับที่ 15 นอกนั้นเป็นพยานนำ ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 20 เมษายน 2542 แต่ไม่สามารถสืบพยานโจทก์ได้ เนื่องจากยังไม่ทราบผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสี่ จึงเลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 16กรกฎาคม 2542 เมื่อถึงวันนัดทนายความของโจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างว่าโจทก์ไปต่างประเทศกลับมาไม่ทัน ศาลชั้นต้นได้ชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้และอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ 7 ธันวาคม 2542 ถึงวันนัดทนายความของโจทก์เบิกความเป็นพยานโจทก์จนจบปากแล้วขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในวันที่ 15 มีนาคม 2543 แต่เมื่อถึงวันนัด ทนายความของโจทก์มอบให้ผู้รับมอบฉันทะนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่น อ้างว่าเอกสารที่จะนำมาอ้างมีจำนวนมาก พยายามติดต่อขอแล้ว ยังได้มาไม่ครบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเพราะเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควร ถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานที่เหลือต่อไป โจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านไว้เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2543 หลังจากศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยทั้งสี่เสร็จและพิพากษาคดีแล้ว ต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม 2543 โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีของศาลชั้นต้นดังกล่าวศาลอุทธรณ์พิพากษายืน มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานที่เหลือดังกล่าวชอบหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า ตามคำร้องของโจทก์กล่าวอ้างไว้ชัดเจนแล้วว่า โจทก์ประสงค์จะอ้างเอกสารต่าง ๆ ทั้งที่อยู่กับส่วนราชการและเอกชน การอ้างเอกสารของโจทก์ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอหมายเรียกจากศาล โจทก์ประสงค์จะนำมาเสนอศาลด้วยตนเองเป็นพยานนำเกือบทั้งสิ้น บางส่วนโจทก์ขอมาได้แล้ว แต่บางส่วนยังขอมาไม่ได้ซึ่งจะต้องนำสืบเชื่อมโยงกัน โจทก์ยังสืบพยานประกอบอยู่ ยังไม่ได้สืบตัวโจทก์ คดีโจทก์มีทุนทรัพย์สิบหกล้านบาทเศษ การสืบพยานต้องทำอย่างรัดกุม การเลื่อนคดีเพื่อรอเอกสารของโจทก์มีเหตุผลสมควรอนุญาตนั้น เห็นว่า โจทก์ระบุพยานไว้ 30 อันดับ เป็นพยานบุคคล 4 อันดับ ภาพถ่าย 1 อันดับ นอกนั้นอีก 25 อันดับ เป็นพยานเอกสาร ซึ่งโจทก์ระบุเป็นพยานนำเกือบทั้งหมด ที่ระบุว่าจะขอหมายเรียกมีอยู่อันดับเดียว เอกสารบางอย่างเห็นชัดว่าน่าจะมิได้มีอยู่ที่โจทก์ จะต้องติดตามมาซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร คดีของโจทก์มีทุนทรัพย์สูงถึงสิบหกล้านบาทเศษ โจทก์นำสืบทนายความของโจทก์ไปแล้ว 1 ปากโดยยังมิได้อ้างส่งเอกสาร เอกสาร 25 อันดับ ตามบัญชีระบุพยานเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้ในการสืบพยานบุคคลของโจทก์ 3 ปาก ที่เหลืออยู่ เหตุที่อ้างมาตามคำร้องว่ายังขัดข้องในเรื่องเอกสารซึ่งมีจำนวนมากยังได้มาไม่ครบนั้น ถือได้ว่าเป็นเหตุจำเป็นที่ทำให้โจทก์ยังไม่สามารถสืบพยานบุคคลที่เหลืออยู่ได้ โจทก์เพิ่งจะขอเลื่อนคดีเป็นครั้งที่สองและจำเลยทั้งสี่รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน สมควรที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เลื่อนคดีไปก่อน อย่างน้อยก็อีกสักครั้งหนึ่งโดยกำชับโจทก์ไว้ด้วยในเรื่องการตัดพยาน ยังไม่สมควรจะด่วนมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีพร้อมกับถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานที่เหลืออีกต่อไป ซึ่งเท่ากับเป็นการตัดพยานของโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่สามารถสืบพยานที่เหลือได้อีกเลย รวมทั้งตัวโจทก์ซึ่งเป็นพยานสำคัญ คดีจึงมีแต่พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสี่สมบูรณ์พร้อมอยู่ฝ่ายเดียวทั้ง ๆ ที่โจทก์ยังสามารถสืบพยานโจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้น และยกคำสั่งศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 15 มีนาคม 2543 และการดำเนินกระบวนพิจารณาภายหลังจากนั้นเสีย ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่