แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกโกรธผู้ตาย จึงเตรียมอาวุธไปที่บ้านผู้ตายเมื่อพบภริยาผู้ตายก็ยิงภริยาผู้ตายตาย แล้วตามผู้ตายไปจนพบกำลังรุนกุ้งในทะเลมิได้พูดจาไต่ถามอะไรก็ใช้อาวุธปืนยิงทันทีจนผู้ตายถึงแก่ความตายและยังจุดไฟเผาเรือเสียด้วยการที่จำเลยกับพวกฆ่าผู้ตายถือเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ที่จำเลยกับพวกฆ่าภริยาผู้ตายด้วยอาจเป็นเพราะไม่พบผู้ตายจึงฆ่าเสียก่อน เป็นการฆ่าในทันทีทันใด ไม่ถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มิได้ร่วมยิงผู้ตาย แต่การเตรียมอาวุธไปด้วยและร่วมปรึกษาหารือกันมาก่อน เมื่อจำเลยที่ 4 ยิงภริยาผู้ตายแล้วจำเลยที่ 2 ก็ยังขับเรือตามหาผู้ตายต่อไปอีกจำเลยที่ 1 และที่ 3 ก็มิได้ทักท้วงห้ามปราม ถือว่าจำเลยทั้งสามร่วมกับจำเลยที่ 4 ฆ่าผู้ตายและภริยาผู้ตาย
จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 กระทงหนึ่งให้จำคุกคนละ 20 ปี มาตรา 289 (4), 83 กระทงหนึ่งให้ประหารชีวิตและมาตรา 217, 83 อีกกระทงหนึ่งให้จำคุกคนละ 4 ปีเมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่แล้วจึงไม่นำโทษจำคุกมารวมคงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่สถานเดียว
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโจทก์ทั้งสองสำนวนต้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๒๑๗, ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๖ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ จำคุกคนละ ๒๐ ปี กระทงหนึ่ง ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๓ ลงโทษประหารชีวิต กระทงหนึ่งและความผิดฐานร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๗, ๘๓ จำคุกคนละ ๔ ปี อีกกระทงหนึ่ง เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่แล้วจึงไม่นำโทษจำคุกมารวม คงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่สถานเดียว ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จากพยานหลักฐานโจทก์เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้งสามจริงดังฟ้องและเหตุที่จำเลยกับพวกร่วมกันไปฆ่าผู้ตายก็เพราะนายสมนึกผู้ตายไปรุนนกุ้งอยู่หน้าโพงพางของนายชิ้นบิดาจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ เป็นการกระทบกระเทือนการจับกุ้งของนายชิ้น จำเลยทั้งสองจึงโกรธและติดตามฆ่านายสมนึก และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าลักษณะการกระทำของจำเลยตั้งแต่เตรียมอาวุธปืนไปที่บ้านนายสมนึกเมื่อพบแต่นางเลี่ยงภริยาก็ยิงนางเลี่ยงภริยานายสมนึกตาม แล้วยังตามนายสมนึกไปจนพบกำลังรุนกุ้งอยู่ในทะเล มิได้พูดจาไต่ถามอะไรก็ใช้อาวุธปืนยิงทันทีจนนายสมนึกถึงแก่ความตายและยังจุดไฟเปาเรือเสียด้วย เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกได้เตรียมการที่จะไปฆ่านายสมนึกมาก่อนแล้ว การฆ่านายสมนึก ถือได้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ที่จำเลยทั้งสี่กับพวกฆ่านางเลี่ยงด้วยก็อาจเป็นเพราะไม่พบนายสมนึกจึงฆ่าเสียก่อนเป็นการฆ่าในทันทีทันใดไม่ถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแม้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ มิได้ร่วมยิงผู้ตายด้วย แต่การเตรียมอาวุธปืนไปด้วยและร่วมปรึกษาหารือกันมาก่อน เมื่อจำเลยที่ ๔ ยิงนางเลี่ยงแล้ว จำเลยที่ ๒ ก็ยังขับเรือตามหานายสมนึกต่อไปอีก จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ก็มิได้ทักท้วงห้ามปรามจึงถือว่าจำเลยทั้งสามร่วมกับจำเลยที่ ๔ ฆ่าผู้ตายด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๓ กระทงหนึ่ง ให้จำคุกคนละ ๒๐ ปี มาตรา ๒๘๙ (๔), ๘๓ กระทงหนึ่งให้ประหารชีวิตและมาตรา ๒๑๗, ๘๓ อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุกคนละ ๔ ปี เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่แล้ว จึงไม่นำโทษจำคุกมารวม คงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่สถานเดียว ของกลางให้ริบ