คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268,265 ให้จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลดโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 เหลือโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน และให้รอการลงโทษตามมาตรา 56 มีกำหนด 3 ปี ดังนี้ เป็นการแก้ไขมาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ใบสุทธิโรงเรียนศิลปาจารย์อันเป็นเอกสารราชการของกรมสามัญศึกษากระทรวงศึกษาธิการ ที่มีผู้ทำปลอมขึ้น โดยยื่นแสดงต่อเจ้าพนักงานกรมยุทธการทหารบก กระทรวงกลาโหม เพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารแท้จริง โดยจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นเอกสารราชการปลอม และจำเลยได้แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้นั้นว่าสำเร็จชั้นมัธยม ๔ ซึ่งความจริงจำเลยสำเร็จเพียงชั้นมัธยมปีที่ ๒ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘,๒๖๔,๒๖๕,๑๓๗ และ ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๖๘,๒๖๕ ซึ่งเป็นกระทงหนัก โดยจำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณาจึงลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ เหลือโทษจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน และรอการลงโทษไว้ตามมาตรา ๕๖ มีกำหนด ๓ ปี
โจทก์ฎีกาว่าไม่ควรลดโทษและไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมาก โจทก์จึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ และเห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.

Share