คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4295/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในช่องย้ายออกของบุตรจำเลย 3 คน เจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้านบันทึกว่าย้ายไปที่บ้านเลขที่ 40/3 ถนนเพชรเกษม ตำบลหาดใหญ่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ช่องย้ายออกของจำเลย เจ้าหน้าที่บันทึกขาด ถนนเพชรเกษม ไป จึงเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้าน ไม่ใช่ความบกพร่องของจำเลย ดังนั้น หากมีการส่ง หมายเรียกและสำเนาฟ้องไปยังที่อยู่ใหม่ของจำเลย โดยระบุชื่อถนน ดังกล่าวลงไปให้ชัดเจน จำเลยก็มีโอกาสทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง และ สามารถยื่น คำให้การแก้คดีได้ การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัด พิจารณาของจำเลยจึงไม่อาจถือว่าเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควร ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์ กำหนดวันให้จำเลยยื่น คำให้การแก้คดี และให้ประกาศหนังสือพิมพ์ เรื่องคำบังคับ ให้จำเลย ปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยไม่ทราบเพราะไม่เคยอ่าน หนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศศาลดังกล่าว จึงเป็นพฤติการณ์นอกเหนือ ไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงและภายใน 6 เดือนนับแต่ วันที่ได้ยึดทรัพย์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 จึง มีเหตุสมควรให้พิจารณา คดีใหม่ตามคำขอของจำเลย.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ว่า จำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องจำเลยเพิ่งทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องและถูกบังคับคดี โดยจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 40/3 ถนนเพชรเกษม ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาซึ่งโจทก์สามารถตรวจสอบหลักฐานทางสำเนาทะเบียนบ้านได้ จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ได้รับเงินเพียง 75,000 บาท ไม่ใช่จำนวน200,000 บาท ดังที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ภูมิลำเนาใหม่ของจำเลยไม่ชัดเจนพนักงานไปรษณีย์ไม่สามารถสอบหาได้ เพราะถนนเพชรเกษมที่ผ่านอำเภอหาดใหญ่มีระยะทางยาวมาก จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เพื่อประวิงเวลาการบังคับคดี จำเลยผิดนัดผิดสัญญามาตลอด จำเลยไม่มีทางชนะคดีโจทก์ได้ ขอให้ยกคำขอของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่ามีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเดิมจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 178 หมู่ที่ 2 ตำบลบางเลนอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม 2529จำเลยและบุตรได้ย้ายออกจากภูมิลำเนาดังกล่าวไปอยู่บ้านเลขที่ 40/3ถนนเพชรเกษม ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำเลยและบุตรได้ย้ายเข้าบ้านเลขที่ 40/3 อันเป็นภูมิลำเนาใหม่เมื่อวันที่ 13พฤษภาคม 2529 โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ตามภูมิลำเนาเดิม จึงส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยไม่ได้ โจทก์แถลงขอส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ว่า โจทก์ได้สืบหาที่อยู่ของจำเลยทางทะเบียนราษฎร์ของอำเภอสองพี่น้องแล้ว ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 40/3 ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา โจทก์จึงมีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยตามที่อยู่ใหม่ แต่ไม่อาจส่งคำบอกกล่าวได้ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แจ้งว่า จ่าหน้าไม่ชัดเจน ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้ประกาศทางหนังสือพิมพ์ กำหนดวันให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดี จำเลยไม่ทราบประกาศหนังสือพิมพ์ จึงไม่ได้ยื่นคำให้การแก้คดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การให้โจทก์สืบพยานไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ต่อมา วันที่ 11 พฤศจิกายน 2529ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ประกาศทางหนังสือพิมพ์ เรื่องคำบังคับ ให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา ต่อมาศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่10 มกราคม 2530 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปยึดทรัพย์ คือที่ดินโฉนดเลขที่ 4710 และ 4996 อันเป็นทรัพย์จำนองในวันเดียวกัน จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องและถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2530 ต่อมาวันที่ 5 มีนาคม 2530 จำเลยจึงยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ขอส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์อ้างว่าได้มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยตามที่อยู่ใหม่แต่ไม่อาจส่งคำบอกกล่าวได้ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แจ้งว่าจ่าหน้าไม่ชัดเจน ในสำนวนนั้น เห็นว่า เหตุที่ส่งไม่ได้ เพราะจ่าหน้าซองเพียงว่า บ้านเลขที่ 40/3 ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาไม่ได้ระบุชื่อถนน ปัญหาจึงมีว่า การไม่ระบุชื่อถนนเป็นความบกพร่องของจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์สำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ป.ล.2 แล้วเห็นว่า ในช่องย้ายออกของบุตรจำเลย 3 คน เจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้านบันทึกว่า ย้ายไปที่บ้านเลขที่ 40/3 ถนนเพชรเกษม ตำบลหาดใหญ่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ช่องย้ายออกของจำเลย เจ้าหน้าที่บันทึกขาดถนนเพชรเกษมไป จึงเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้าน ไม่ใช่ความบกพร่องของจำเลย ดังนั้น หากมีการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องไปยังที่อยู่ใหม่ของจำเลย โดยระบุถนนเพชรเกษมลงไปให้ชัดเจนตามสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ป.ล.1 จำเลยก็มีโอกาสทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องและสามารถยื่นคำให้การแก้คดีได้ การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลยจึงไม่อาจถือว่าเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์ กำหนดวันให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดี และให้ประกาศหนังสือพิมพ์ เรื่องคำบังคับ ให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยไม่ทราบเพราะไม่เคยอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศศาลดังกล่าวจึงเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงและภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จึงมีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่ตามคำขอของจำเลย…”
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ โดยให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีแล้วพิจารณาพิพากษาต่อไปตามรูปคดี.

Share