คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 429-430/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นภิกษุ บังคับจะเอามีดจากจำเลยซึ่งเป็นศิษย์ เนื่องจากจำเลยเป็นคนโมโหร้ายมีมีดไว้กลัวจะมีเรื่อง จำเลยแสดงกิริยาขัดขืนจะต่อสู้ ผู้เสียหายจึงใช้ไม้ฟาดไปทีหนึ่งจำเลยยกแขนขึ้นรับปัดไม้กระเด็นไปจำเลยโถมเข้าหาผู้เสียหายล้มลงกอดปล้ำกันกลิ้งไปมาจำเลยใช้มีดที่ถืออยู่แทงผู้เสียหายเช่นนี้ ไม่เป็นการป้องกันสิทธิของตนตามมาตรา 68 เพราะเมื่อจำเลยปัดไม้กระเด็นไป อันตรายจากไม้นั้นก็สิ้นไปแล้วและการที่ผู้เสียหายใช้ไม้ฟาดจำเลยไปทีหนึ่ง ก็เป็นการใช้อำนาจของอาจารย์ภายในขอบเขตอันสมควร ไม่ใช่เป็นการข่มเหงจำเลยด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแม้จำเลยจะบันดาลโทสะขึ้นเพราะเหตุนี้ก็เป็นการลุแก่โทสะโดยมิบังควรจะปรับว่าเป็นการบันดาลโทสะตามมาตรา 72 ไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษ

จำเลยปฏิเสธ

ศาลอาญาพิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297ประกอบด้วยมาตรา 72 จำคุก 4 เดือน โทษจำคุกรอ

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษหนักขึ้น และไม่รอโทษจำคุก

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยส่อไปในทางป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรมีความผิด แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลก็ยกฟ้องได้จึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษหนักขึ้นและไม่รอ

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นศิษย์อยู่ในปกครองของพระใบฎีกาเอี่ยมผู้เสียหาย วันเกิดเหตุผู้เสียหายบังคับจะเอามีดที่จำเลยมีอยู่เพราะปกติจำเลยเป็นคนโมโหร้ายกลัวจะมีเรื่อง จำเลยแสดงกิริยาอาการขัดขืนจะต่อสู้ ผู้เสียหายจึงใช้ไม้ฟาดไปทีหนึ่ง จำเลยยกแขนขึ้นรับปัดไม้กระเด็นไป แล้วจำเลยโถมเข้าหาผู้เสียหายล้มลงทั้งคู่กอดปล้ำกลิ้งไปมา จำเลยใช้มีดที่ถืออยู่แทงผู้เสียหายเช่นนี้เห็นว่าไม่เป็นการป้องกันสิทธิของตนตามมาตรา 68 แต่อย่างไรเพราะเมื่อจำเลยปัดไม้กระเด็นไป อันตรายจากไม้นั้นก็พลันสิ้นไปแล้วและการที่ผู้เสียหายใช้ไม้ฟาดจำเลยไปทีหนึ่ง ก็เป็นการใช้อำนาจของอาจารย์ซึ่งเป็นผู้ปกครองศิษย์ภายในขอบเขตอันสมควร ย่อมไม่ใช่เป็นการข่มเหงจำเลยด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม แม้จำเลยจะบันดาลโทสะขึ้นเพราะเหตุนี้ ก็ปรับว่าเป็นการบันดาลโทสะตามมาตรา 72 ไม่ได้ต้องถือว่าเป็นเรื่องลุแก่โทสะโดยมิบังควร ศาลอาญานำมาตรา 72 มาประกอบบทลงโทษจำเลยให้น้อยลงหาชอบไม่ ฎีกาโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยสูงขึ้นฟังได้

พิพากษากลับ ลงโทษ 2 ปี และให้รอไว้

Share