คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4287/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คำว่า “พราก” หมายความว่า พาไปหรือแยกเด็กออกไปจากอำนาจปกครองดูแล ทำให้อำนาจปกครองดูแลของบิดามารดาเด็กถูกรบกวนหรือถูกกระทบกระเทือนโดยบิดามารดาเด็กไม่รู้เห็นยินยอมด้วย อันเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาเด็ก จำเลยมิได้พาผู้เสียหายกับเด็กหญิง ก. ซึ่งกำลังเล่นกันอยู่ที่บ้านจำเลยไปที่เตาเผาถ่านในป่าละเมาะในลักษณะเดียวกันกับที่จำเลยเคยพาผู้เสียหายออกจากบ้านจำเลยไปด้วยกันในครั้งก่อนๆ ที่บิดามารดาผู้เสียหายไม่เคยทักท้วงว่ากล่าว เพราะเมื่อถึงเตาเผาถ่านแล้วจำเลยให้เด็กหญิง ก.แต่ผู้เดียวลงไปเล่นในหลุมเผาถ่านแล้วหลอกลวงโดยชักชวนผู้เสียหายว่าจะพาไปหาผลไม้ป่ารับประทาน เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณกกไม้หลังเตาเผาถ่านจำเลยกลับถอดกางเกงผู้เสียหายออกและกระทำอนาจารผู้เสียหาย การที่จำเลยพาผู้เสียหายจากเตาเผาถ่านไปกระทำอนาจารยังที่เกิดเหตุ จึงเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาและเป็นการกระทำโดยปราศจากเหตุอันสมควรอันเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 317ิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 277, 317
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก, 317 วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 ฐานทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี จำคุก 4 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ไปเพื่อการอนาจาร จำคุก 5 ปี รวมสองกระทงจำคุก 9 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามที่โจทก์จำเลยไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีกาว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 4 ปี 9 เดือนเศษ อยู่ในอำนาจปกครองของ ส. และ พ. ซึ่งเป็นบิดาและมารดา ก่อนเกิดเหตุเมื่อ ส. และ พ. ออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน ผู้เสียหายก็มักจะไปที่บ้านจำเลยซึ่งอยู่ใกล้กับบ้าน ส. และ พ. เพื่อเล่นกับเด็กหญิง ข. และเด็กหญิง ก. บุตรและหลานจำเลย และเมื่อจำเลยมีธุระต้องออกจากบ้านจำเลยจะพาผู้เสียหายไปด้วย ซึ่ง ส. และ พ. ก็ทราบเรื่องดีแต่ไม่เคยว่ากล่าวทักท้วงแต่ประการใด วันเกิดเหตุวันที่ 11 พฤศจิกายน 2544 เวลาประมาณ 8 นาฬิกา พ. ออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน ส่วน ส. นำโคไปเลี้ยงโดยพาผู้เสียหายไปด้วย แล้วผู้เสียหายขออนุญาตไปดูโทรทัศน์ที่บ้านจำเลย ต่อมาขณะที่ผู้เสียหายเล่นอยู่กับเด็กหญิง ข. และเด็กหญิง ก. ที่บ้านจำเลย จำเลยพาผู้เสียหายกับเด็กหญิง ก. นั่งรถเข็นไปที่เตาเผาถ่านในป่าละเมาะซึ่งอยู่ห่างจากบ้านจำเลยประมาณ 800 เมตร เมื่อถึงเตาเผาถ่านจำเลยให้เด็กหญิง ก. ลงไปเล่นในหลุมเผาถ่านและชวนผู้เสียหายไปหาผลไม้ป่ารับประทานแต่เมื่อจำเลยพาผู้เสียหายต่อไปถึงบริเวณกกไม้หลังเตาเผาถ่าน จำเลยกลับถอดกางเกงของผู้เสียหายออกและกระทำการอนาจารผู้เสียหาย คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจาก ส. และ พ. ซึ่งเป็นบิดาและมารดาเพื่อการอนาจารหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คำว่า “พราก” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.2542 หมายความว่า จากไป พาเอาไปเสียจาก แยกจากกันหรือออกจากกัน ดังนั้น คำว่า “พราก” ในความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร จึงหมายความว่าพาไปหรือแยกเด็กออกไปจากอำนาจปกครองดูแล ทำให้อำนาจปกครองดูแลของบิดามารดาเด็กถูกรบกวนหรือถูกกระทบกระเทือนโดยบิดามารดาเด็กไม่รู้เห็นยินยอมด้วย อันเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาเด็ก คดีนี้จำเลยมิได้พาผู้เสียหายกับเด็กหญิง ก. ซึ่งกำลังเล่นกันอยู่ที่บ้านจำเลยไปที่เตาเผาถ่านในป่าละเมาะในลักษณะเดียวกันกับที่จำเลยเคยพาผู้เสียหายออกจากบ้านจำเลยไปด้วยกันในครั้งก่อนๆ ที่บิดามารดาผู้เสียหายไม่เคยทักท้วงว่ากล่าว เพราะเมื่อถึงเตาเผาถ่านแล้วจำเลยให้เด็กหญิง ก. แต่ผู้เดียวลงไปเล่นในหลุมเผาถ่าน แล้วหลอกลวงโดยชักชวนผู้เสียหายว่าจะพาไปหาผลไม้ป่ารับประทาน เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณกกไม้หลังเตาเผาถ่านที่ผู้เสียหายเบิกความตอบคำถามยืนยันว่าเด็กหญิง ก. ซึ่งกำลังอยู่ในหลุมเผาถ่านไม่สามารถมองเห็นผู้เสียหายและจำเลยได้ จำเลยกลับถอดกางเกงผู้เสียหายออกและกระทำอนาจารผู้เสียหาย ทั้ง ส. บิดาผู้เสียหายก็เบิกความตอบคำซักถามยืนยันว่า ส. ยินยอมให้ผู้เสียหายไปเล่นที่บ้านจำเลยเท่านั้น แต่ไม่ยินยอมให้จำเลยพาผู้เสียหายไปที่เตาเผาถ่านและกระทำอนาจาร การที่จำเลยพาผู้เสียหายจากเตาเผาถ่านไปกระทำอนาจารยังที่เกิดเหตุโดยหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะพาไปหาผลไม้ป่ารับประทาน จึงเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดา และเป็นการกระทำโดยปราศจากเหตุอันสมควร อันเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share