คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4285/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่1ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยที่1ขาดนัดพิจารณาโดยอ้างว่าได้ทำใบมอบฉันทะมอบให้เสมียนทนายมาแล้วแต่เสมียนทนายไม่ได้นำไปแสดงต่อศาลในการขอเลื่อนสืบพยานจำเลยเพราะหลงลืมทั้งในคำร้องได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไว้ด้วยคำร้องของจำเลยที่1จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แล้วการที่เสมียนทนายไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาแสดงต่อศาลก็ดีหรือการที่เสมียนทนายปลอมใบมอบฉันทะก็ดีเป็นการกระทำของเสมียนทนายไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่1ซึ่งเป็นฝ่ายขาดนับมาศาลได้หรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา209ศาลชั้นต้นต้องทำการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนืองมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1 นัดแรกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2536 ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่นำสืบก่อนทนายโจทก์และทนายจำเลยที่ 2 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 1 ไม่มาศาลแต่มีผู้นำคำร้องของทนายจำเลยที่ 1 มายื่นต่อศาลชั้นต้นรวม 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยที่ 1 ป่วยด้วยเหตุท้องเสีย คำร้องฉบับที่ 2 เป็นคำร้องขออนุญาตระบุพยานเพิ่มเติม แต่ไม่มีใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1ขณะที่ศาลชั้นต้นบันทึกรายงานกระบวนพิจารณามีนายธัญลักษณ์ สุขจิตร นำใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1มายื่นต่อศาล เมื่อศาลชั้นต้นตรวจพิจารณาใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 และสอบถามผู้นำใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1มายื่นต่อศาลแล้ว ปรากฎว่าใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1ดังกล่าว เป็นใบมอบฉันทะปลอมศาลชั้นต้นจึงไม่รับพิจารณาคำร้องขอเลื่อนคดี และคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมของทนายจำเลยที่ 1 เนื่องจากเป็นการยื่นต่อศาลโดยผู้ไม่มีอำนาจยื่นเมื่อเป็นวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาลทั้งไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดีศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา ทนายโจทก์ซึ่งมาศาลแถลงขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คู่ความส่งต้นฉบับเอกสารที่ประสงค์จะอ้างอิงเป็นพยานในคดีนี้โจทก์ส่งเอกสารเป็นพยาน6 อันดับหมาย จ.1 ถึง จ.6 จำเลยที่ 2 แถลงว่าไม่ติดใจส่งเอกสารใด ๆศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่จำต้องสืบพยานโจทก์จึงให้งดสืบพยาน คดีเสร็จการพิจารณา และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 8 กรกฎาคม 2536 ต่อมาภายหลังจากศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาคดีนี้แล้ว จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2536 ขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2536 โดยไม่ไต่สวนไม่ชอบ ข้อเท็จจริงฟังได้ตามท้องสำนวนว่า ในวันนับสืบพยานจำเลยที่ 1 วันที่ 8 มิถุนายน2536 ทนายจำเลยที่ 1 ได้มอบให้นายธัญลักษณ์ สุขจิตร มายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีและขอระบุพยานเพิ่มเติม แต่ปรากฎว่าไม่มีใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 ขณะศาลชั้นต้นกำลังบันทึกรายงานกระบวนพิจารณานายธัญลักษณ์ได้นำใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 มายื่นต่อศาลศาลชั้นต้นได้ตรวจลายมือชื่อทนายจำเลยที่ 1 ในใบมอบฉันทะแล้วเห็นว่า ไม่เหมือนกับลายมือชื่อของทนายจำเลยที่ 1 ในเอกสารอื่นได้สอบถามนายธัญลักษณ์แล้ว นายธัญลักษณ์รับว่าเป็นผู้ปลอมลายมือชื่อของทนายจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำร้องขอเลื่อนคดียื่นต่อศาลโดยผู้ไม่มีอำนาจยื่นจึงให้ยกคำร้องและถือว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา โจทก์เองขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ส่งต้นฉบับเอกสารแล้วสั่งงดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 8 กรกฎาคม 2536 ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2536จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าทนายจำเลยที่ 1 ได้ทำใบมอบฉันทะให้นายธัญลักษณ์นำคำร้องมาขอเลื่อนคดีแล้วแต่ด้วยความเลินเล่อของนายธัญลักษณ์จึงไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลถามหาใบมอบฉันทะ นายธัญลักาณ์รู้ตัวว่าไม่มีใบมอบฉันทะจึงได้ทำใบมอบฉันทะปลอมขึ้น จำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดพิจารณาขอให้ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนและให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยที่ 1ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณาแล้วไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 จึงขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ ให้ยกคำร้อง หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1แม้คดีแล้ว จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 27กรกฎาคม 2536 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะทนายจำเลยที่ 1 ป่วย ส่วนเรื่องใบมอบฉันทะอ้างเหตุทำนองเดียวกับคำร้องลงวันที่ 11 มิถุนายน 2536 และอ้างด้วยว่าจำเลยที่ 1ต้องไปพบพนักงานอัยการ ทั้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องเพราะโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 2 โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1เห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณาโดยอ้างว่าได้ทำใบมอบฉันทะมอบให้นายธัญลักษณ์มาแล้ว แต่นายธัญลักษณ์ไม่ได้นำไปแสดงต่อศาลเพราะหลงลืม ทั้งได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไว้ด้วย คำร้องของจำเลยที่ 1 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้วศาลชั้นต้นจึงต้องทำการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 การที่นายธัญลักษณ์ไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาแสดงต่อศาลก็ดี การที่นายธัญลักษณ์ปลอมใบมอบฉันทะก็ดีเป็นการกระทำของนายธัญลักษณ์ไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายขาดนัดมาศาลได้หรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209
พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 ฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2536แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share