คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสามซึ่งขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและคำขอท้ายฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามซึ่งขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสามเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แม้หากมีการเพิกถอนแล้วจะมีผลทำให้โจทก์ทั้งสามหรือจำเลยที่3ได้สิทธิครอบครองหรือได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทและที่ดินดังกล่าวมีราคาไม่เกิน50,000บาทก็ต้องถือว่าคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นคำขอประธานจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ที่ 1 มีสิทธิครอบครองในที่ดิน น.ส.3ก. ทะเบียนเลขที่ 2487 เล่ม 25 ข.หน้า 37 เลขที่ดิน 319 เนื้อที่ 1 ไร่ 81 ตารางวา โจทก์ที่ 2 มีสิทธิครอบครองในที่ดิน น.ส.3 ก. ทะเบียนเลขที่ 2668 เล่ม 27 ข.หน้า 18 เนื้อที่ 1 งาน 33 ตารางวา และโจทก์ที่ 3 มีสิทธิครอบครองในที่ดิน น.ส.3 ก. ทะเบียนเลขที่ 3838 เล่ม 39 ก. หน้า 38เลขที่ดิน 511 เนื้อที่ 46 ตารางวา ที่ดินโจทก์ทั้งสามตั้งอยู่ตำบลลำภู (หนองบัว) อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานีให้จำเลยทั้งสามไปจดทะเบียนเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงฉบับที่ 3917/2515 เลขที่ 4 ระวางตำบลหนองบัวลำภู แผ่นที่ 16ในส่วนซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์ทั้งสามเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 60ตารางวา หากจำเลยทั้งสามไม่ยอมเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในส่วนที่เป็นของโจทก์ทั้งสาม ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสามเพื่อจดทะเบียนเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในส่วนที่เป็นของโจทก์ทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์มิใช่เจ้าของและไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำเลยทั้งสามไม่ได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงฉบับที่ 3917/2515 ทับที่ของโจทก์ทั้งสาม แต่หนังสือสำคัญฉบับดังกล่าวเจ้าพนักงานได้ออกก่อนโจทก์ทั้งสามจะครอบครองและออกก่อนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) ของโจทก์ทั้งสาม กรณียังไม่มีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสาม โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสาม และพิพากษาว่าที่ดินตามฟ้องโจทก์ทั้งสามเป็นของจำเลยที่ 3 และมีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 2487 เลขที่ 2668 และเลขที่ 3838 ให้โจทก์ทั้งสามและบริวารออกจากที่ดินพิพาท
โจทก์ทั้งสามให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์เป็นเจ้าของและมีสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงฉบับที่ 3917/2515 ของจำเลยที่ 3 นั้นออกทับที่ดินของโจทก์ทั้งสามเพราะโจทก์ที่ 1 ครอบครองที่ดินมาตั้งแต่ปี 2496ติดต่อกันมา ตลอดจนถึงวันให้การแก้ฟ้องแย้งจำเลยที่ 3 ออกหนังสือดังกล่าวเมื่อปี 2525 หลังจากที่โจทก์ที่ 1 ครอบครองแล้วการออกหนังสือดังกล่าวจึงไม่ชอบ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 ขาดอายุความเพราะโจทก์ที่ 1 ครอบครองที่ดินพิพาทมาตั้งแต่ปี 2496 จนถึงวันให้การยกฟ้องแย้งโดยสงบ เปิดเผยและแสดงตนเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสาม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ที่ 1 มีสิทธิครอบครองที่ดินน.ส.3 ก. ทะเบียนเลขที่ 2487 เล่ม 25 ข. หน้า 37 เลขที่ดิน 319เนื้อที่ 1 ไร่ 81 ตารางวา โจทก์ที่ 2 มีสิทธิครอบครองที่ดินน.ส.3 ก. ทะเบียนเลขที่ 2668 เล่ม 27 ข. หน้า 18 เนื้อที่ 1 งาน33 ตารางวา โจทก์ที่ 3 มีสิทธิครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก. ทะเบียนเลขที่ 3838 หน้า 39 ก. หน้า 38 เลขที่ดิน 511 เนื้อที่ 46 ตารางวาที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ตำบลลำภู (หนองบัว) อำเภอหนองบัวลำภูจังหวัดอุดรธานี ให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ฉบับที่ 3917/2515 เลขที่ 4 ระวางตำบลหนองบัวลำภูแผ่นที่ 16 ในส่วนซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์ทั้งสามเนื้อที่ 1 ไร่2 งาน 60 ตารางวา หากจำเลยทั้งสามไม่ไปจดทะเบียนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสามเพื่อจดทะเบียนเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในส่วนที่เป็นของโจทก์ทั้งสาม ยกฟ้องแย้งจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า ฟ้องของโจทก์ทั้งสามขอให้สั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทกับขอให้จำเลยทั้งสามไปจดทะเบียนเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงฉบับที่ 3917/2515 คำฟ้องดังกล่าวจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์และไม่มีทุนทรัพย์รวมอยู่ในคดีเดียวกัน แม้คำขอในส่วนคดีมีทุนทรัพย์จะมีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 50,000บาท ก็ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง หมายถึงในคดีนั้นต้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์อย่างเดียวนั้น เห็นว่า คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสามและคำขอท้ายฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แม้ว่าถ้ามีการเพิกถอนตามคำขอดังกล่าวแล้วจะมีผลทำให้โจทก์ทั้งสามหรือจำเลยที่ 3 ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอันเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และที่ดินดังกล่าวมีราคาไม่เกิน 50,000 บาทก็ตาม ก็ต้องถือว่าคำขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและคำขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคำขอประธานส่วนที่โจทก์ทั้งสามจะได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือจำเลยที่ 3จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเป็นผลต่อเนื่องที่ตามมา จึงไม่ต้องห้ามจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share