คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 ถ้าศาลยอมรับฟังพยานจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายที่สืบภายหลัง โดยที่จำเลยไม่ได้ถามค้านโจทก์ไว้ขณะโจทก์เบิกความคู่ความที่ได้นำพยานสืบก่อนจะเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสืบอีกก็ได้. ถ้าโจทก์เพียงแต่ยื่นคำแถลงคัดค้านว่าคำสั่งศาลคลาดเคลื่อนด้วยกฎหมาย. ขอโต้แย้งไว้ให้ศาลสูงวินิจฉัย. โจทก์ไม่ได้ขอให้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องของโจทก์มาสืบตามสิทธิที่มีอยู่. ดังนี้ จะว่าศาลไม่อนุญาตให้โจทก์นำพยานที่เกี่ยวข้องมาสืบอีกหาได้ไม่.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไป จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ไว้กับโจทก์. โจทก์เอาสัญญากู้ซึ่งไม่มีข้อความอื่น นอกจากจำเลยเซ็นชื่อในช่องผู้กู้ให้ ป. มากรอกข้อความแล้วเอามาฟ้อง. ดังนี้ เท่ากับจำเลยสู้ว่าสัญญากู้นั้นปลอม. โจทก์จึงต้องนำสืบก่อน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินต้นที่จำเลยกู้ไปและดอกเบี้ยรวม23,483 บาท จำเลยให้การว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์ ฯลฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าหลักฐานพยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ คดีนี้ โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยนำสืบว่าเมื่อถูกฟ้องคดีนี้ก็ไปหาพระครูรัตนธาน เล่าเรื่องให้ฟังว่าถูกโจทก์ซึ่งไม่เคยรู้จักมาฟ้อง พระครูรัตนธานมาเป็นพยานจำเลยว่าได้เคยถามโจทก์ โจทก์บอกว่าความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนอื่น โจทก์ไม่ใช่เป็นเจ้าของเงิน เป็นเรื่องช่วยเพื่อน ในการที่จำเลยอ้างตนเองและสืบพระครูรัตนธานถึงข้อความที่เคยถามโจทก์ดังกล่าวนั้น โจทก์คัดค้านในขณะสืบตัวจำเลยว่าประเด็นข้อนี้จำเลยไม่ได้ถามค้านโจทก์ไว้ขณะโจทก์เบิกความ ศาลไม่ควรรับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 89 ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานพิจารณาว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญที่จะชี้ถึงข้อแพ้ชนะในคดีด้วย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงอนุญาตให้ทนายจำเลยตามข้อความดังกล่าวได้ โจทก์ฎีกาว่า แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยนำสืบได้ แต่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยนำสืบได้ แต่ศาลชั้นต้นก็มิได้อนุญาตให้โจทก์นำพยานที่เกี่ยวข้องมาสืบอีก จึงเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 89 ถ้าศาลยอมรับฟังพยานเช่นว่านั้น คู่ความที่ได้นำพยานสืบก่อนจะเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสืบอีกก็ได้ ในคดีนี้ เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้จำเลยสืบถึงข้อความดังกล่าวได้โจทก์เพียงแต่ยื่นคำแถลงคัดค้านว่าคำสั่งศาลคลาดเคลื่อนด้วยกฎหมาย ขอโต้แย้งไว้ให้ศาลสูงวินิจฉัย โจทก์หาได้ขอให้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องของโจทก์มาสืบตามสิทธิที่มีอยู่ไม่ ดังนี้ จะว่าศาลไม่ได้อนุญาตให้โจทก์นำพยานที่เกี่ยวข้องมาสืบอีกหาได้ไม่ โจทก์ฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า คดีนี้หน้าที่นำสืบควรตกจำเลยศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์สืบก่อนไม่ชอบ เห็นว่า จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ไว้กับโจทก์ โจทก์เอาสัญญากู้ซึ่งไม่มีข้อความอื่น นอกจากจำเลยเซ็นแต่ชื่อในช่องผู้กู้ให้นายประเทืองไว้มากรอกข้อความแล้วเอามาฟ้อง เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญากู้นั้นปลอม โจทก์จึงต้องนำสืบก่อน.

Share