คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในประเด็นว่าสัญญาเช่าที่พิพาทผูกพันโจทก์หรือไม่ จำเลยให้การและนำสืบว่าที่พิพาทอยู่ในความดูแลของกรมการศาสนานายอำเภอพระพุทธบาทตัวแทนกรมการศาสนาทำสัญญาให้จำเลยเช่าที่พิพาทแต่จำเลยฎีกาว่านายอำเภอพระพุทธบาทเป็นตัวแทนเชิดของวัดโจทก์และได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าที่พิพาทแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยดังนี้ ฎีกาของจำเลยมิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2483 โจทก์ได้ก่อสร้างโรงเจขึ้น กิจการของโรงเจมีรายได้จากผู้บริจาคปีละหลายแสนบาท ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2508 จำเลยได้สร้างโรงเจขึ้นในที่ดินของโจทก์โดยพลการให้เชื่อว่าโรงเจธรรมนิมิตรประสิทธิคุณ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าโรงเจของโจทก์ ได้พากันเข้าไปพักและอุทิศเงินบำรุงแก่จำเลย ทำให้โจทก์เสียหายขาดประโยชน์อันควรมีได้ไป จึงขอให้ห้ามจำเลยและบริวารประกอบกิจการดังกล่าวในที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย

จำเลยให้การว่า ที่ดินจำเลยปลูกโรงเจเป็นเจ้าของซื้อมาจากบุคคลอื่น หากเป็นของโจทก์ก็เป็นที่ดินอยู่นอกเขตกำแพงวัด (กำแพงแก้ว) ตกอยู่ในความดูแลของกรมการศาสนา และจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่าที่พิพาทจากโจทก์แล้วโดยผ่านกรมการศาสนาผู้ดูแลรักษา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างอายุสัญญาเช่า โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ ขอให้ยกฟ้อง

ก่อนชี้สองสถาน จำเลยยอมรับว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในวันชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า สัญญาเช่าที่จำเลยทำสมบูรณ์ใช้ยันโจทก์ได้หรือไม่และค่าเสียหายเท่าใด

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว กำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนกว่าจะออกไปจากที่ดินของโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยลดจำนวนค่าเสียหายให้น้อยลง

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในประเด็นที่ว่าสัญญาเช่าที่พิพาทผูกพันโจทก์หรือไม่นั้น จำเลยฎีกาว่านายธวัช แผ่ความดี เป็นตัวแทนเชิดของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 และได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าที่พิพาท จึงผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นตัวการนั้น เห็นว่าจำเลยให้การและนำสืบว่า ที่พิพาทอยู่ในความดูแลของกรมการศาสนา นายธวัชนายอำเภอพระพุทธบาทตัวแทนของกรมการศาสนาทำสัญญาให้จำเลยเช่าที่พิพาทแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ เห็นได้ว่าข้อฎีกาของจำเลยดังกล่าวมิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายืน

Share