แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ที่ได้กล่าวอ้างว่า การที่จำเลยนำสืบว่า นางอนงค์ เป็นผู้กู้เงินโจทก์โดยจำเลยลงชื่อเป็นผู้กู้ให้โจทก์แทน นั้น ขัดกับคำให้การ ต่อสู้คดีของจำเลยที่ว่าสัญญากู้ปลอมที่โจทก์กับนางอนงค์ สมคบกันทำขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ จะรับฟังพยานของจำเลย ได้หรือไม่ ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และการที่จำเลย สืบพยานบุคคลแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร นั้น จะเป็นการ สืบพยานบุคคลแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารตามที่โจทก์อ้างหรือไม่ ปัญหาดังกล่าวนี้ก็เป็นข้อกฎหมายเช่นกัน ฎีกาของโจทก์ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และโจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีนี้ก่อน แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ มาตรา 248ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โปรดมีคำสั่งให้ รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 73)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 69)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 71)
คำสั่ง
1. ฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยนำสืบว่านางอนงค์เป็นผู้กู้ยืมเงินโจทก์ โดยจำเลยลงชื่อเป็นผู้กู้ให้โจทก์แทนขัดกับคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยว่าสัญญากู้ปลอมที่โจทก์กับนางอนงค์สมคบกันทำขึ้น พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักพอจะรับฟังได้ คดีต้องฟังตามที่โจทก์นำสืบมา ฎีกาของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ ชอบแล้ว
2. ส่วนฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าเอกสารหมาย จ.1 ปลอมแต่กลับนำพยานบุคคลสืบหักล้างเอกสารหมาย จ.1 ว่าไม่ได้รับเงินกู้ เป็นการนำพยานบุคคลสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารนั้น ปรากฏข้อเท็จจริง ในสำนวนว่า จำเลยให้การไว้ด้วยว่า จำเลยไม่เคยรับเงินกู้ ไปจากโจทก์ จำเลยจึงมิได้นำพยานบุคคลสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลง เอกสาร ฎีกาของโจทก์เป็นการค้าน ข้อเท็จจริง เป็นปัญหา ข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ข้อนี้ชอบแล้ว เช่นกัน ให้ยกคำร้องของ โจทก์