แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าเมื่อผู้เช่าตายสิทธิการเช่าย่อมสิ้นสุดจำเลยซึ่งเป็นบุตรผู้เช่าได้อยู่ในตึกพิพาทต่อมาก็ถือว่าอยู่ในฐานะบริวารของผู้เช่าดังนั้นการที่จำเลยชำระค่าเช่าจึงเป็นการชำระในนามของผู้เช่า ไม่ก่อให้เกิดสัญญาเช่าระหว่างโจทก์และจำเลยอย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่ามารดาจำเลยเคยเช่าตึกพิพาทจากโจทก์ แต่มารดาจำเลยตายไปตั้งแต่ พ.ศ. 2501 สัญญาเช่าจึงระงับไปแล้ว จำเลยได้ร้องขอเช่าตึกพิพาทต่อไปแต่โจทก์ไม่ยินยอม และได้แจ้งให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจึงเป็นการอยู่โดยละเมิด
จำเลยให้การว่า เมื่อมารดาจำเลยตายแล้ว โจทก์ได้เก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมาจนถึงเดือนมิถุนายน 2506 จึงถือว่าจำเลยได้เช่าตึกโจทก์ มิได้ทำละเมิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากตึกพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าเมื่อผู้เช่าตาย สิทธิการเช่าย่อมสิ้นสุดลง จำเลยอยู่ในตึกพิพาทในฐานะเป็นบริวารของมารดาจำเลย แม้จำเลยจะเคยขอเช่าตึกพิพาทแทนมารดา แต่โจทก์ก็มิได้ยินยอม การที่จำเลยชำระค่าเช่าก็เป็นการชำระในนามของมารดาจำเลย จึงไม่ก่อให้เกิดสัญญาเช่าระหว่างโจทก์และจำเลย เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ต่อไปได้
จึงพิพากษายืน