แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
++ เรื่อง สัญญาต่างตอบแทน
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 8 หน้า 176 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
ย่อยาว
เรื่อง สัญญาต่างตอบแทน
โจทก์ ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ ๑๙ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๑
ศาลฎีกา รับวันที่ ๒๘ เดือน มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๒
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเคยจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๕ จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ได้จดทะเบียนหย่าและทำบันทึกการแบ่งทรัพย์สินกัน ต่อมาวันที่ ๑๙กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ มีการทำสัญญาแบ่งทรัพย์สินกันใหม่ โดยจำเลยยอมโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรวม ๖ รายการ คือที่ดินโฉนด-เลขที่ ๑๑๔๓๙ และ ๑๑๔๓๘ สิ่งปลูกสร้างเลขที่ ๑๐๗/๑๐ และ ๑๐๗/๑๑ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒๑๓ และ ๖๒๑๕ สิ่งปลูกสร้างเลขที่ ๗๒/๘ และ ๗๒/๖ถนนราชปรารภ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี (พญาไท) กรุงเทพมหานครที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๒๑๗๑ และ ๑๑๒๑๗๒ สิ่งปลูกสร้างเลขที่ ๓/๘๕ และ๓/๘๖ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานครที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๖๑๕๙ แขวงดอกไม้ (สำโรงฝั่งเหนือ) เขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร และที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๗๓๑, ๒๑๙๓, ๒๒๘๕,๒๒๘๖ และ ๒๒๘๗ ตำบลโนนศิลา อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ให้แก่โจทก์ ๑ ใน ๒ ส่วน ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ หากรายการใดติดจำนอง ให้โอนเมื่อปลดภาระจำนองแล้ว โดยจำเลยจะไม่โอน ให้เช่าหรือสร้างภาระติดพันใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์เป็นหนังสือก่อนแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา ไม่ยอมโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้โจทก์ ทั้งยังนำที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๔๓๙ และ ๑๑๔๓๘ พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ ๑๐๗/๑๐และ ๑๐๗/๑๑ ไปจำนองแก่ธนาคารซิตี้แบงค์ จำกัด ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒๑๓พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ ๗๒/๘ ไปจำนองแก่ธนาคารกสิกรไทย จำกัดที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒๑๕ พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ ๗๒/๖ ไปจำนองแก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๒๑๗๑ และ ๑๑๒๑๗๒ พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ ๓/๘๕ และ ๓/๘๖ และที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๖๑๕๙ไปโอนขายให้บุคคลภายนอก และที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๗๓๑, ๒๑๙๓,๒๒๘๕ และ ๒๒๘๗ ไปจำนองแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด โจทก์เคยแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวแก่โจทก์ครึ่งหนึ่งโดยปลอดภาระติดพันและเสียค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีและค่าใช้จ่ายต่าง ๆครึ่งหนึ่ง หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๐,๖๙๕,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยเสนอจะชำระหนี้ตอบแทนแก่จำเลยตามสัญญา จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ตอบแทน และจำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนนำสืบว่า จำเลยและโจทก์ได้ทำสัญญาต่างตอบแทนกัน ตามสัญญาแบ่งทรัพย์สินและรับสภาพหนี้เอกสารหมาย ล.๔แต่โจทก์กลับไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาสัญญาดังกล่าวเกิดจากการข่มขู่ จำเลยแจ้งบอกล้างสัญญาดังกล่าวต่อโจทก์แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้
โจทก์นำสืบว่า โจทก์กับจำเลยหย่ากันแล้ว และได้ตกลงทำสัญญาแบ่งทรัพย์สินและรับสภาพหนี้ตามเอกสารหมาย จ.๑ แต่จำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญา โดยไม่ยอมโอนที่ดินแปลงที่ไม่ติดจำนองให้โจทก์ทั้งยังนำไปขายให้บุคคลภายนอก และนำที่ดินแปลงที่ติดจำนองบางแปลงไปเพิ่มวงเงินจำนอง โดยที่โจทก์ไม่รู้เห็นและยินยอม โจทก์แจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาแล้ว ตามหนังสือของทนายความโจทก์และใบไปรษณีย์ตอบรับเอกสารหมาย จ.๕ และ จ.๖ แต่จำเลยเพิกเฉย
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่คู่ความมิได้โต้แย้งอีกต่อไปว่า สัญญาแบ่งทรัพย์สินและรับสภาพหนี้ตามเอกสารหมาย จ.๑ หรือล.๔ เป็นสัญญาต่างตอบแทน มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาและโจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าวได้หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยจำเลยไม่ทำการโอนทรัพย์สินที่ไม่ติดจำนองให้แก่โจทก์ ๑ ใน ๒ ส่วนภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ ๑ ส่วนโจทก์พร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญาต่างตอบแทนและได้มอบให้ทนายความมีหนังสือแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาตามหนังสือของทนายความโจทก์เอกสารหมาย จ.๕ ซึ่งมีความหมายว่าโจทก์พร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญาแล้วนั้นเห็นว่า ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๑ หรือ ล.๔ นั้น มีการกำหนดหน้าที่ให้คู่สัญญาปฏิบัติพร้อมกันไป มิได้มีการระบุเงื่อนไขว่า โจทก์จะโอนทรัพย์สินให้จำเลยหรือช่วยจำเลยชำระหนี้ต่อเมื่อจำเลยโอนทรัพย์สินที่ไม่ติดจำนองให้แก่โจทก์ ๑ ใน ๒ ส่วน ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๘แต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนี้ โจทก์จะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ของตนหรืออยู่ในฐานะพร้อมที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ของตนเสียก่อนจึงจะบอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนนั้นได้ ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๖๙ แต่ปรากฏจากคำเบิกความของโจทก์ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์และจำเลยยังมิได้มีการปฏิบัติตามสัญญาเอกสารหมาย ล.๔ เหตุที่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเนื่องจากจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามสัญญาก่อน หนังสือของทนายความโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๕ ที่แจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญานั้นก็มิได้มีข้อความใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้เสนอหรือพร้อมที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ของตนตามสัญญาแต่อย่างใด ที่โจทก์อ้างในฎีกาว่าโจทก์พร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญานั้น ก็ปรากฏจากสำเนาโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๔๓๖และ ๑๑๔๔๓ ซึ่งโจทก์ต้องไถ่ถอนจำนองแล้วโอนให้จำเลยครึ่งหนึ่งตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๔ ท้ายฎีกาว่า โจทก์ยังมิได้ไถ่ถอนจำนองจากธนาคารแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์อยู่ในฐานะพร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญาหรือพร้อมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้จำเลย ๑ ใน ๒ ส่วนโดยปลอดจำนองตามสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าโจทก์จะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อจำเลยเสียก่อนได้ โจทก์จะหยิบยกข้อตกลงเฉพาะข้อหนึ่งข้อใดมาบังคับเอาแก่จำเลยเพื่อเป็นประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวหาได้ไม่ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญา ส่วนการที่โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยไปรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๑๑๔๔๓ และ ๑๑๔๓๖ หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วนั้นก็ไม่มีผลให้โจทก์กลับมีอำนาจฟ้องจำเลยตามคดีนี้แต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.