แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การดำเนินกระบวนพิจารณาในกรณีที่มีการโอนไปซึ่งทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายหลังการยึดนั้นเป็นกรณีต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) ซึ่งบัญญัติไว้ความว่า การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิด โอนหรือเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดภายหลังที่ได้ทำการยึดไว้แล้วนั้น หาอาจใช้ยันแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไม่ ฉะนั้น การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยมาสอบถามถึงการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ที่ศาลมีคำสั่งยึดและได้โอนไปยังนายดนัยแล้วเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไป จึงเป็นการไม่ถูกต้องและหาเป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์แต่อย่างใดไม่โจทก์ชอบที่จะดำเนินการเกี่ยวกับการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ที่ศาลมีคำสั่งยึดไว้แล้วดังกล่าวให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายต่อไป การที่ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งให้องค์การโทรศัพท์ผู้คัดค้านชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ก็เป็นการสั่งนอกเหนือไปจากคำขอท้ายคำร้องของโจทก์อีกด้วย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลออกหมายบังคับคดีให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของจำเลย ซึ่งจำเลยผิดนัดไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยผู้คัดค้านมาสอบถามถึงการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ที่ศาลสั่งยึดไว้แล้วและได้โอนให้แก่นายดนัยไปเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมแล้วนัดไต่สวนไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 15,000 บาท
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและมีคำสั่งคำร้องของโจทก์ใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำร้องของโจทก์ การดำเนินกระบวนพิจารณาในกรณีที่มีการโอนไปซึ่งทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายหลังการยึดนั้นเป็นกรณีต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) ซึ่งบัญญัติไว้ความว่า การยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาดังที่บัญญัติไว้ในสองมาตราก่อนนั้น การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิดโอน หรือเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดภายหลังที่ได้ทำการยึดไว้แล้วนั้นหาอาจใช้ยันแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไม่ แต่โจทก์หาได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดีเอาแก่สิทธิการเช่าโทรศัพท์ที่ได้โอนไปยังนายดนัยแต่อย่างใดไม่โจทก์กลับขอให้ศาลหมายเรียกผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยมาสอบถามถึงการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ดังกล่าวเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไปซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง ทั้งการที่ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยผู้คัดค้านชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ก็เป็นการสั่งนอกเหนือไปจากคำขอท้ายคำร้องของโจทก์อีกด้วย ฉะนั้นแม้ว่าศาลจะเรียกผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยมาสอบถามตามคำร้องของโจทก์ต่อไป ก็หาเป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์แต่อย่างใดไม่ โจทก์ชอบที่จะดำเนินการเกี่ยวกับการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ที่ศาลมีคำสั่งยึดไว้แล้วดังกล่าวให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายต่อไป
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกคำร้องของโจทก์