คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4267/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยร่วมกับ ป. ขนท่อแก๊สของผู้เสียหายลงจากรถยนต์บรรทุกที่ ป. เป็นผู้ขับไปไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อขายต่อให้แก่บุคคลอื่น การที่จำเลยและ ป. ครอบครองท่อแก๊สในขณะที่นำไปส่งให้ลูกค้าของผู้เสียหายเป็นการครอบครองแทนผู้เสียหายไว้ชั่วคราวชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น การครอบครองโดยแท้จริงยังอยู่ที่ผู้เสียหาย เมื่อจำเลยนำท่อแก๊สไปกองทิ้งในที่เกิดเหตุจึงเป็นการเคลื่อนย้ายท่อแก๊สจากที่ตั้งปกติเพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะขายแก่บุคคลอื่น เป็นการแย่งการครอบครองทรัพย์ไปจากผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการร่วมกับ ป. กระทำความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543 เวลากลางวันจำเลยกับนายปรีชา คำทองไชย จำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ 6269/2543 ของศาลชั้นต้นได้ร่วมกันลักเอาท่อแก๊สเปล่า จำนวน 10 ท่อ ราคารวม 30,000 บาท ของบริษัท ที.ไอ.จี. เทรดดิ้ง จำกัด ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยกับพวกไปโดยทุจริต โดยจำเลยกับพวกร่วมกันใช้รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ทะเบียน 92-9797 กรุงเทพมหานคร เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นจากการจับกุมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 336 ทวิ, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335 (7) (11) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ วางโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) (11) วรรคสอง, 83 วางโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยและนายปรีชา คำทองไชย เป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย นายปรีชาทำหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกส่งท่อแก๊สของผู้เสียหายให้แก่ลูกค้า ส่วนจำเลยทำหน้าที่พนักงานประจำรถมีหน้าที่ยกของ ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ นายปรีชาขับรถยนต์บรรทุกไปส่งท่อแก๊สให้ลูกค้าโดยมีจำเลยไปด้วย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบริเวณที่ว่างในซอยเอกชัย 128 ถนนเอกชัย แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร จำเลยและนายปรีชาช่วยกันขนท่อแก๊สเปล่าจำนวน 10 ท่อ ลงจากรถยนต์บรรทุกนำไปกองไว้ในกอหญ้าริมถนน ขณะเดียวกันนายอำนาจ สมจิตร พนักงานของผู้เสียหายซึ่งสืบทราบว่านายปรีชากับพวกเคยมีพฤติการณ์ลักลอบนำท่อแก๊สเปล่าของผู้เสียหายไปขายในซอยดังกล่าวได้ซุ่มดูเห็นเหตุการณ์จึงแจ้งให้นายอาคม ไม้ดัดจันทร์ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมุนษย์ของผู้เสียหายทราบ นายอาคมไปที่เกิดเหตุสอบถามแล้วนายปรีชาให้การรับสารภาพว่าจะนำท่อแก๊สเปล่าของผู้เสียหายดังกล่าวไปขายให้บุคคลอื่น นายอาคมจึงบันทึกพฤติการณ์และคำรับสารภาพของนายปรีชาไว้ ตามเอกสารหมาย จ.3 ส่วนจำเลยให้การปฏิเสธต่อมานายปรีชาให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาของศาลและถูกศาลพิพากษาลงโทษแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยร่วมกับนายปรีชากระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับนายปรีชาขนท่อแก๊สของกลางของผู้เสียหายลงไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อขายต่อให้แก่บุคคลอื่น การที่จำเลยและนายปรีชาครอบครองท่อแก๊สของผู้เสียหายในขณะเกิดเหตุเป็นการครอบครองแทนผู้เสียหายไว้ชั่วคราวชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น การครอบครองท่อแก๊สของกลางโดยแท้จริงยังอยู่ที่ผู้เสียหาย เมื่อจำเลยนำท่อแก๊สของกลางของผู้เสียหายไปกองทิ้งในที่เกิดเหตุจึงเป็นการเคลื่อนย้ายท่อแก๊สจากที่ตั้งปกติเพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะขายแก่บุคคลอื่น อันเป็นการแย่งการครอบครองทรัพย์ไปจากผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการร่วมกับนายปรีชากระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง มิใช่ยักยอกตามที่จำเลยฎีกา”
พิพากษายืน.

Share