คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4253/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ปิดประกาศให้ผู้ที่อ้างว่ามิใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันปิดประกาศตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296จัตวา(3)มิได้เป็นวิธีการบังคับคดีที่เกี่ยวกับจำเลยจำเลยไม่อยู่ในฐานะผู้ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองจำเลยไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีด้วยเหตุนี้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่จำเลยและบริวาร โดยให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งให้จำเลยและบริวารปฏิบัติตามคำบังคับ โดยกำหนดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2537
จำเลยยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดี บังคับคดีโดยไม่ชอบเพราะมิได้ประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่มิใช่บริวารของจำเลยแต่มีสิทธิจะอยู่ในที่ดินพิพาทได้ทราบ เพื่อว่าบุคคลดังกล่าวจะได้ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่มีอำนาจออกหมายบังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขอให้เพิกถอนการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง และมาตรา 296 จัตวา(3) เมื่อจำเลยมิใช่บุคคลที่จะยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวดังนั้น ที่จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันปิดประกาศนั้น จึงมิได้เป็นวิธีการบังคับคดีที่เกี่ยวกับจำเลย แม้จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ตาม แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะผู้ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีด้วยเหตุนี้ได้ กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลย
พิพากษายืน

Share