แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเติมนามสกุลลงท้ายลายมือชื่อที่เขาเซ็นมอบไห้ไว้รวมขึ้นเปนลายมือชื่อไหม่ นอกเหนือไปกว่าลายมือชื่อที่มอบหมายไว้นั้น เปนการกะทำที่มีลักสนะอันสามาถอาดเสียหายแก่ผู้ที่ลงชื่อไว้ เมื่อนำหนังสือเช่นนั้นไปไช้ ก็มีความผิดถานปลอมหนังสือ.
ย่อยาว
โจทฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงไห้นายสวัสดิ์ตวงข้าวไห้จำเลยโดยไม่คิดจะจ่ายเงินไห้ แล้วจำเลยเอากะดาดเปล่ามาไห้นายสวัสดิ์ลงชื่อไห้จำเลยที่ ๑ ไว้ โดยบอกว่าเพื่อเปนหลักถานไนการตกลงซื้อขายข้าว ต่อมาจำเลยเขียนลงไนกะดาดมีไจความสำคันว่า นายสวัสดิ์ มะนะนาได้รับเงินไปจากจำเลย ๑๕๖๐ บาทถ้วนและสัญญาว่าจะขายข้าวไห้จำเลยพายไน ๑๕ วันโดยจำเลยที่ ๒ เปนผู้เขียนสัญญาและปลอมลายมือนามสกุลนายสวัสดิ์ลงหลังลายมือชื่อนายสวัสดิ์และจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ คงชื่อเปนพยานไนหนังสือสัญญานั้นซึ่งรู้หยู่แล้วว่าเปนหนังสือปลอม ๆ ขอไห้ลงโทสถานปลอมหนังสือ จำเลยไห้การรับสารภาพว่าได้สมคบกันกะทำผิดถานปลอมหนังสือ สาลชั้นต้นเห็นว่ากะทำของจำเลยเปนผิดถานยักยอกลายมือชื่อไม่เปนผิดถานปลอมหนังสือตามฟ้อง พิพากสายกฟ้องโจท
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสายืน
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่า จำเลยเดิมนามสกุลผู้เสียหายลงท้ายลายมือชื่อที่มอบไห้ไว้รวมขึ้นเปนลายมือชื่อไหม่ซึ่งนอกเหนอไปกว่าลายมือชื่อซึ่งไม่มีนามสกุลที่มอบหมายไว้จึงเปนการปลอมหนังสือ การกะทำของจำเลยมีลักสนะอันสามาถอาดเสียแก่ผู้เสียหาย แล้วจำเลยนำหนังสือนั้นไปไช้ จำเลยมีความผิดถ้านปลอมหนังสือ จึงพิพากสาแก้สาลอุธรน์ว่าจำเลยติดตามกดหมายลักสนะอาญามาตรา ๒๒๓.