คำสั่งคำร้องที่ 2728/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เนื่องจากโจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำเงินมาลงทุนในบริษัทเสริมกิจอินเตอร์ซินดิเคชั่น จำกัด แต่จำเลยมิได้ออกสัญญาร่วมลงทุนให้โจทก์ ซึ่งในระหว่างสืบพยานในศาลชั้นต้นจำเลยไม่ทราบว่าสัญญาร่วมลงทุนที่บริษัทเสริมกิจอินเตอร์ซินดิเคชั่น จำกัดออกให้แก่โจทก์มีอยู่ ทำให้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เชื่อคำพยานโจทก์ว่าจำเลยไม่ได้ออกสัญญาร่วมลงทุนดังกล่าวให้โจทก์ทำให้จำเลยแพ้คดีบัดนี้จำเลยได้พบสัญญาร่วมลงทุนดังกล่าวโดยโจทก์ได้นำไปยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.571/2529 ของศาลแพ่งระหว่าง พนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ กับบริษัทเสริมกิจอินเตอร์ซินดิเคชั่น จำกัด จำเลย ปรากฏตามภาพถ่ายสัญญาร่วมลงทุนท้ายคำร้อง เนื่องจากสัญญาร่วมลงทุนดังกล่าวเป็นหลักฐานสำคัญในคดี โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเพิ่มเติมโดยมีคำสั่งเรียกสัญญาร่วมลงทุนดังกล่าวมาเพื่อสืบพยานต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 119)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยคืนเงิน 350,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์2528 จนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์
จำเลยฎีกา และยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 109,115)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าสัญญาร่วมลงทุนตามที่จำเลยอ้างในคำร้องเป็นหลักฐานในการชี้ขาดข้อสำคัญในประเด็นแห่งคดี กรณีมีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3 มาตรา 240(2)และมาตรา 247 อนุญาตให้จำเลยอ้างและสืบพยานเอกสารดังกล่าวได้ให้ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าว เสร็จแล้วส่งถ้อยคำสำนวนคืนศาลฎีกา

Share