แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเบียดบังเงินของสุขาภิบาลรวม 9 ครั้ง รวมเป็นเงิน 90,000 บาทเศษ ทางพิจารณากลับปรากฏว่า นอกจากเงินของสุขาภิบาลจะขาดบัญชีไป 9 รายการตามฟ้องโจทก์แล้วยังมีเงินเกินบัญชีอีก 24 รายการ เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาทเศษ คงเหลือเงินที่ขาดบัญชีไปเพียง 24,843.97 บาทเท่านั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าจำนวนเงินที่ขาดบัญชีนี้จำเลยได้เบียดบังไปจากสุขาภิบาลตามฟ้องโจทก์ข้อใด เป็นจำนวนเท่าใดจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดทุกกรรมตามฟ้องโจทก์ คงลงโทษจำเลยได้เพียงกระทงเดียว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเสมียนตราอำเภอ อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สมุหบัญชีสุขาภิบาลตากฟ้า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมโดยเบียดบังเงินของสุขาภิบาลตากฟ้าเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวม ๙ ครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗, ๑๕๑, ๑๕๗, ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗, ๙๑ รวม ๘ กระทง ให้จำคุกกระทงละ ๕ ปี รวมจำคุก ๔๐ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลย ๒๖ ปี ๘ เดือน คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ โดยมีเจตนาเบียดบังเงินของสุขาภิบาลตากฟ้าเป็นของตนโดยเจตนาทุจริต แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบียดบังเงินของสุขาภิบาลตากฟ้ารวม ๙ ครั้งตามฟ้องข้อ (ก) ถึง (ฌ) รวมเป็นเงิน ๙๐,๐๐๐ บาทเศษ ทางพิจารณากลับปรากฏว่า นอกจากเงินของสุขาภิบาลตากฟ้าจะขาดบัญชีไป ๙ รายการตามฟ้องโจทก์แล้ว ยังมีเงินที่เกินบัญชีอีก ๒๔ รายการเป็นจำนวนเงิน ๗๐,๐๐๐ บาทเศษ คงเหลือเงินที่ขาดบัญชีไปเพียง ๒๔,๘๔๓.๙๗ บาทเท่านั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าจำนวนเงินที่ขาดบัญชีนี้ จำเลยได้เบียดบังไปจากสุขาภิบาลตากฟ้าโจทก์ข้อใดเป็นจำนวนเท่าใด จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดทุกกรรมตามฟ้องโจทก์ ข้อเท็จจริงคงฟังได้แต่เพียงว่าในระหว่างวันเวลาตามฟ้อง จำเลยได้เบียดบังเงินจำนวน ๒๔,๘๔๓.๙๗ บาท ของสุขาภิบาลตากฟ้าเป็นของตนโดยทุจริต และลงโทษจำเลยได้เพียงกระทงเดียวเท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ ที่แก้ไขแล้ว ให้จำคุก ๕ ปี คำให้การของจำเลยต่อพนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์