คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ลำพังการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายต่างรายกัน ไม่แน่ว่า จะต้องเป็นการกระทำผิดต่างกรรมกันเสมอไป แม้โจทก์จะบรรยาย ฟ้องโดยแยกการกระทำที่อ้างว่าจำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ของ ผู้เสียหายทั้งสองเป็นข้อ (ก) และข้อ (ข) ต่างหากจากกัน แต่เมื่อตามคำฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏรายละเอียดให้เห็นชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนากระทำความผิดตามฟ้อง ข้อ (ก)และข้อ(ข) ต่างหากจากกันอย่างไร จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าจำเลยกระทำ ความผิดตามฟ้องในลักษณะที่มีเจตนาเดียวกัน จึงเป็นความผิด กรรมเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 31, 70, 75, 76 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ตุ๊กตาของกลาง 2 ตัว ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และจ่ายค่าปรับแก่เจ้าของลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 31, 70 วรรคสอง ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ปรับ 50,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 25,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์จ่ายค่าปรับกึ่งหนึ่งให้เจ้าของลิขสิทธิ์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าเป็นสองกรรม จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องจึงถือว่าจำเลยกระทำผิดสองกรรม ต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2541 เวลากลางวันจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรม กล่าวคือ (ก) จำเลยซึ่งประกอบอาชีพค้าขายสินค้าทั่วไป ได้ขาย เสนอขายเพื่อการค้าหากำไรซึ่งตุ๊กตากล้วยหอมบี 1 จำนวน 1 ตัว ซึ่งเป็นงานศิลปกรรมประยุกต์ตัวแสดงในภาพยนตร์ชุด “บานาน่าส์ อินพิจามัส” ที่มีผู้ทำขึ้นโดยดัดแปลงทำเป็นหุ่น เหมือนตัวแสดงในภาพยนตร์ ชุด”บานาน่าส์ อิน พิจามัส” โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ 1 ทั้งนี้ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่างานศิลปกรรมประยุกต์ ดังกล่าวได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ 1 (ข) จำเลยซึ่งประกอบอาชีพค้าขายสินค้าทั่วไป ได้ขาย เสนอขายเพื่อการค้าหากำไรซึ่งตุ๊กตาเครยองชินจัง จำนวน 1 ตัว ซึ่งเป็นงานศิลปกรรมประยุกต์ ตัวแสดงในภาพยนตร์โทรทัศน์ชุด”เครยอง ชินจัง” ที่มีผู้อื่นทำขึ้น โดยดัดแปลงทำเป็นหุ่นเหมือนตัวแสดงในภาพยนตร์โทรทัศน์ “เครยอง ชินจัง” โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ 2 ทั้งนี้ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่างานศิลปกรรมประยุกต์ดังกล่าวได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ 2เหตุตามฟ้องข้อ (ก) และข้อ (ข) เกิดที่ตำบลดอนเจดีย์อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ตามวันเวลาเกิดเหตุเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยตุ๊กตากล้วยหอมบี 1 จำนวน1 ตัว และตุ๊กตาเครยองชินจัง จำนวน 1 ตัว ที่จำเลยได้ขายเสนอขายดังกล่าวเป็นของกลางตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ปรากฏรายละเอียดให้เห็นได้ชัดเจนว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดตามฟ้องข้อ (ก) และข้อ (ข) ต่างหากจากกันอย่างไร เช่น มีการขาย เสนอขาย แก่ผู้ซื้อต่างคราวกันหรือต่างรายกันอย่างใดหรือไม่ หรือโจทก์เห็นว่าการกระทำตามฟ้องเป็นความผิดต่างกรรมกันเพราะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายต่างรายกันเท่านั้น ซึ่งลำพังการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายต่างรายกันไม่แน่ว่าจะต้องเป็นการกระทำผิดต่างกรรมกันเสมอไปหากแต่ต้องพิจารณาเจตนาในการกระทำผิดว่าต่างกันหรือไม่เป็นสำคัญ ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องแต่เมื่อคำฟ้องไม่ปรากฏชัดเจนว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องข้อ (ก)และข้อ (ข) โดยเจตนาต่างหากจากกันดังกล่าว จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องดังกล่าวในลักษณะที่มีเจตนาเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกัน ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยมาเป็นกรรมเดียวกันชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share