แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 จัตวาซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 329ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 15 บัญญัติว่า เมื่อผู้นำเข้าหรือผู้ส่งของออกนำเงินมาชำระค่าอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่ม ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของค่าอากรที่นำมาชำระโดย ไม่คิดทบต้น นับแต่วันที่ได้ส่งมอบหรือส่งของออกจนถึง วันที่นำเงินมาชำระ ฯลฯ และวรรคสามของมาตราดังกล่าว ระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่าในการคำนวณเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือนและเงินเพิ่มนั้นให้ถือเป็นเงินอากร ดังนั้น ในการคำนวณเงินเพิ่มนั้นเศษของเดือนจึงต้องนับเป็นหนึ่งเดือนด้วย
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าภาษีอากร จำนวน 716,579 บาท และเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงินอากรขาเข้าที่ต้องชำระเพิ่มตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ 011 3 1104 และใบขนสินค้าขาเข้า เลขที่ 021 3 0807เป็นรายเดือนนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสามให้การว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งสามเสียอากรขาเข้าใหม่ในอัตราหน่วยละ 1.40 บาท และไม่มีสิทธิเรียกค่าภาษีอากรเพิ่มเนื่องจากหลอดไฟฟ้าที่นำเข้าเป็นหลอดไฟฟ้าใช้สำหรับประดับตกแต่งให้สวยงาม ไม่สามารถให้แสงสว่างและไม่สามารถใช้หลอดไฟฟ้าโดยตรงกับไฟฟ้า 220 โวลต์เพียงหลอดเดียวได้ หลอดไฟฟ้ามีขนาดเล็กมีน้ำหนักน้อยจำนวน110,000 ชิ้น หนักเพียง 85 กิโลกรัม และจำนวน 120,000 ชิ้นหนักเพียง 62 กิโลกรัม ราคาหลอดไฟฟ้าหลังจากเพิ่มแล้วมีราคาหลอดละ 30 สตางค์ เมื่อจำเลยที่ 1 ดำเนินการผ่านพิธีศุลกากรหากเป็นหลอดไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างโดยทั่วไปแล้ว นายตรวจและสารวัตรจะต้องจับจำเลยที่ 1 ทันทีเพราะเสียอากรในอัตราร้อยละ 40 และที่จำเลยที่ 1 สำแดงรายละเอียดในใบขนสินค้าว่าหลอดไฟฟ้าใช้สำหรับโฆษณาขนาด 5 วัตต์ 220 โวลต์นั้นไม่ถูกต้องโดยผิดหลงไป เนื่องจากตัวแทนผู้ออกของเขียนข้อความไม่ตรงกับความจริง จำเลยทั้งสามไม่เคยได้รับแจ้งการประเมิน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าภาษีอากรจำนวน 716,579 บาท กับเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 1ต่อเดือน จากต้นเงินอากรขาเข้าที่ต้องชำระเพิ่มตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ 011 3 1104 จำนวน 136,841 บาท และจากต้นเงินอากรขาเข้าที่ต้องชำระเพิ่มตามใบขนสินค้าขาเข้า เลขที่ 021 3 0807จำนวน 149,281 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ในการคำนวณเงินเพิ่มอากรขาเข้านั้นเศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือนด้วยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 จัตวาซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 329 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 15 บัญญัติว่าเมื่อผู้นำเข้าหรือผู้ส่งของออกนำเงินมาชำระค่าอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่มให้เรียกเก็บเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของค่าอากรที่นำมาชำระโดยไม่คิดทบต้น นับแต่วันที่ได้ส่งมอบหรือส่งของออกจนถึงวันที่นำเงินมาชำระ ฯลฯ และวรรคสามของมาตราดังกล่าวระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่าในการคำนวณเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือนและเงินเพิ่มนั้นให้ถือเป็นเงินอากร ดังนั้น ในการคำนวณเงินเพิ่มนั้นเศษของเดือนจึงต้องนับเป็นหนึ่งเดือนด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินเพิ่มอากรเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงินอากรขาเข้าที่ต้องชำระนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง