คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4233/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ขณะนำสืบและส่งเอกสารซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศเป็นพยาน โจทก์ไม่ได้ส่งคำแปลต่อศาลและจำเลยด้วย ในนัดต่อมาโจทก์ขอส่งคำแปลเอกสารดังกล่าวที่มีคำรับรอง ศาลอนุญาตแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 แล้ว ศาลรับฟ้องเอกสารดังกล่าวนั้นเป็นพยานได้ สำหรับสำเนาเอกสารที่โจทก์นำส่งเป็นพยานนั้น ปรากฏว่าโจทก์เบิกความว่าต้นฉบับเอกสารนั้น จำเลยได้รับคืนไปแล้ว ส่วนจำเลยเบิกความว่า ต้นฉบับอยู่ที่จำเลยหรือไม่จำไม่ได้ จึงเป็นกรณีที่ไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) ศาลรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างให้โจทก์จัดหาไม้ไผ่ส่งให้ศูนย์อพยพต่าง ๆ ของโครงการอาหารแห่งสหประชาชาติ ในนามโรงสีไฟเหรียญทองแปดริ้ว ซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการ โจทก์จัดหาไม้ไผ่ส่งให้ศูนย์อพยพตามคำสั่งของจำเลยแล้ว เป็นเงินค่าจ้าง 255,410.40บาท จำเลยชำระค่าจ้างให้โจทก์เพียงบางส่วน ยังค้างชำระเป็นเงิน63,549 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าไม้ไผ่พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม้ไผ่ตามฟ้องโจทก์ส่งให้องค์การสหประชาชาติเกินกว่าจำนวนที่จำเลยสั่ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งราคาไม้ไผ่และดอกเบี้ย โจทก์ไม่เคยทวงถามก่อนฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าไม้ไผ่จำนวน 570 ลำ ในอัตราลำละ 13 บาท รวมเป็นเงิน 7,410 บาทพร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2528 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับไม้ไผ่จำนวน 570 ลำ ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งให้โจทก์ส่งไม้ไผ่ 570 ลำแก่องค์การสหประชาชาติซึ่งจำเลยจะต้องชำระหนี้จำนวนนี้แก่โจทก์อนึ่ง ที่จำเลยแก้ฎีกาว่า ขณะนำสืบและส่งเอกสารหมาย จ.13 ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ โจทก์ไม่ได้ส่งคำแปลต่อศาลและไม่ได้ส่งคำแปลให้จำเลยด้วย จึงรับฟังไม่ได้นั้น ปรากฏว่าโจทก์นำสืบและส่งเอกสารหมาย จ.13 วันที่ 23 กรกฎาคม 2530 ในนัดต่อมาวันที่ 27 สิงหาคม2530 โจทก์ขอส่งคำแปลเอกสารหมาย จ.13 ที่มีคำรับรอง ศาลอนุญาตแล้วจึงเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46แล้วศาลรับฟังเอกสารหมาย จ.13 เป็นพยานได้ ส่วนเอกสารหมาย จ.6ที่จำเลยแก้ฎีกาว่าเป็นสำเนาเอกสารรับฟังไม่ได้นั้น ปรากฏว่าโจทก์เบิกความว่า ต้นฉบับเอกสารหมาย จ.6 นี้ จำเลยได้รับคืนไปแล้ว ส่วนจำเลยเบิกความว่าต้นฉบับอยู่ที่จำเลยหรือไม่จำไม่ได้จึงเป็นกรณีที่ไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) ศาลรับฟังสำเนาเอกสารได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับไม้ไผ่จำนวน570 ลำ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share