แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศคณะกรรมการฉะบับหลังที่ยกเลิกการควบคุม ไม่เป็นกฎหมายยกเลิกความผิดตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 39(5)
ฟ้องว่าจำเลยมีผ้าแล้วไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ แต่มิได้ระบุว่าจำเลยมีผ้าเท่าไร ดังนี้เป็นคำฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งความผิด ต้องยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจซื้อผ้าตามบัญชีท้ายฟ้องอันเป็นผ้าที่ต้องถูกควบคุมตามประกาศของคณะกรรมการ โดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ผ้าดังกล่าวแล้วไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้ไปแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บภายในกำหนดและต่อมาได้ยักย้ายผ้านั้น ผิดต่อประกาศคณะกรรมการ (ฉะบับที่ ๒) ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่น ๆ ในภาวะคับขัน พ.ศ. ๒๔๘๘ ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
โจทก์ขอสืบคำพะยานประกอบคำรับ ศาลอาญาสั่งงดและชี้ขาดคดีในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ คือไม่ได้กล่าวว่าจำเลยมีจำนวนผ้ายาวเท่าใดไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณาตาม ป.ม.วิ.อาญา ม. ๑๕๘, ๑๖๑ กับทั้งปรากฎว่า ได้มีประกาศของคณะกรรมการยกเลิกประกาศเดิมเสียแล้ว เท่ากับมีกฎหมายยกเลิกความผิดตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา ๓๙ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นฟ้องกับศาลชั้นต้นในข้อที่ว่า ประกาศของคณะกรรมการฉะบับหลังมีผลเป็นกฎหมาย และยกเลิกความผิดเช่นนั้นเสียแล้วตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา ๓๔ (๕) จึงพิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า ๑. ในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ประกาศของคณะกรรมการฉะบับหลังที่ยกเลิกการควบคุม จะเป็นกฎหมายยกเลิกความผิดหรือไม่นั้น เห็นว่าประกาศของคณะกรรมการฯ เป็นเพียงคำสั่งของเจ้าพนักงานเท่านั้น หาใช่กฎหมายไม่ (ดังฎีกาที่ได้ชี้ขาดไว้มากหลาย) ๒. ฟ้องของโจทก์ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญแห่งความผิดหรือไม่ ตามฟ้องและบัญชีท้ายฟ้องไม่ปรากฎถึงความยาวของผ้าว่า จะถึงกำหนดที่จะต้องแจ้งปริมารหรือไม่ จึงเป็นคำฟ้องที่ขาดสาระสำคัญ และแม้โจทก์แถลงแก้ความข้อนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญนั้น จะต้องบรรยายไว้ในคำฟ้อง หาใช่ให้ไปปรากฎในชั้นพิ+ไม่ พิพากษาให้ยกฟ้อง