คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4231/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 นั่งรถยนต์กระบะของกลางไปกับจำเลยที่ 1 ลูกจ้างซึ่งขับรถนำเฮโรอีนของกลางที่ซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งของจำเลยที่ 2ไปส่งให้แก่ลูกค้ายังที่เกิดเหตุ พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 15, 65, 66, 102 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 40 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 20 ปี ริบของกลางคำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ขณะที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2ขับรถยนต์กระบะของกลางนำเฮโรอีนของกลาง จำนวน 4 ถุง น้ำหนักรวม86.280 กรัม ไปส่งให้แก่ลูกค้า ณ ที่เกิดเหตุ และจำเลยที่ 2นั่งคู่กับจำเลยที่ 1 ตรงที่นั่งด้านซ้าย ทั้งได้ตรวจค้นพบเฮโรอีนของกลางดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งของจำเลยที่ 2 พฤติการณ์น่าเชื่อว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
พิพากษายืน

Share