แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเรียกร้องเงินจาก ต. ช. และ จ. โดยอ้างว่าบัญชีของบุคคลดังกล่าวผิดและใบเสร็จรับเงินไม่ลงชื่อผู้รับเงิน จำเลยจะเอาเงินไปให้ ป. ซึ่งเป็นผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดไม่ให้ไปตรวจสอบ ต. จึงมอบเงิน 2,000 บาท ให้จำเลยไป ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ป. ไม่มีหน้าที่ตรวจสอบแต่ทำหน้าที่ธุรการ ดังนั้นหน้าที่ตรวจสอบบัญชีจึงหาใช่หน้าที่โดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการเป็นผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดของ ป. ซึ่งทำหน้าที่ธุรการไม่ ป.จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานที่จำเลยจะพึงให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่ คือตรวจสอบบัญชีอันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด อันเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้รับจ้างทำบัญชีร้านค้าของนายเตียวพงษ์  แซ่เจียง  นายจั้ว  แซ่ตั้ง  และนายซังสุน  แซ่ตัน  เมื่อวันที่ ๒๐  พฤศจิกายน  ๒๕๑๗  เวลากลางวัน  จำเลยบอกคนทั้งสามว่านายประกอบ  อินทรนุตปิ่นบุญ  ผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดศรีสะเกษจะมาตรวจบัญชีร้านค้าให้เตรียมบัญชีและใบเสร็จรับเงินไว้  ต่อมาวันที่  ๒๑  พฤศจิกายน  ๒๕๑๗  เวลากลางวัน   จำเลยได้ดูใบเสร็จรับเงินร้านค้าของบุคคลดังกล่าวแล้วบอกว่าใบเสร็จผิดเพราะไม่ได้ระบุในใบเสร็จว่าขายสินค้าให้ผู้ใด  บุคคลดังกล่าวว่าจะทำอย่างไร  จำเลยบอกว่าให้แต่ละคนนำเงินใส่ซองแล้วตนจะนำไปให้นายประกอบผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดศรีสะเกษซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย  เพื่อช่วยเหลือโดยละเว้นไม่ตรวจใบเสร็จรับเงินที่ผิดพลาด  และในวันเดียวกันนี้นายเตียวพงษ์ได้ให้เงิน ๒,๐๐๐ บาทแก่จำเลยเพื่อนำไปให้นายประกอบ  แต่จำเลยได้เอาเงินดังกล่าวเป็นประโยชน์ส่วนตัว  ไม่ได้ช่วยเหลือแต่ประการใด  ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๑๔๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๑๔๓ จำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ  ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  จำเลยเรียกร้องเงินจากนายเตียวพงษ์  นางซังสุน และนายจั้วโดยอ้างว่าบัญชีของบุคคลดังกล่าวผิด  และใบเสร็จรับเงินไม่ลงชื่อผู้รับเงิน  จำเลยจะเอาเงินไปให้นายประกอบผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดศรีสะเกษไม่ให้ไปตรวจสอบ  ที่สุดนายเตียวพงษ์มอบเงิน ๒,๐๐๐ บาท ให้จำเลย
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวดังกล่าวเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่นั้น  วินิจฉัยว่า  ข้อเท็จจริงได้ความจากนายประกอบว่าตนไม่มีหน้าที่ตรวจสอบ  วินิจฉัยว่า  ข้อเท็จจริงได้ความจากนายประกอบว่าตนไม่มีหน้าที่ตรวจสอบ  ตนทำหน้าที่ธุรการ  ดังนั้นหน้าที่ตรวจสอบบัญชีจึงหาใช่หน้าที่โดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการเป็นผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดของนายประกอบซึ่งทำหน้าที่ธุรการไม่  นายประกอบจึงไม่ใช่เจ้าพนักงานที่จำเลยจะพึงให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่  คือตรวจสอบอันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดอันเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดตามความในมาตรา ๑๔๓ ได้  การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน

