คำสั่งคำร้องที่ 592/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมเล่นแชร์ด้วยโจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 2ร่วมเล่นแชร์ด้วย เป็นการนอกเหนือวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 3 ให้รับผิดเป็นการส่วนตัวฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้แทนของจำเลยที่ 3ซึ่งเป็นนิติบุคคลได้กระทำการนอกขอบเขตวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 3เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะส่วนตัวนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 80,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2533จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (7 ธันวาคม 2533) ให้ไม่เกิน 1,500 บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 103)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 104)

คำสั่ง
คดีนี้เป็นคดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2สั่งจ่ายเช็คพิพาทแทนจำเลยที่ 3 โดยไม่ได้กระทำในฐานะส่วนตัวที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 ร่วมสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ในฐานะส่วนตัวเป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงต้องห้ามตามห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่งส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าตามที่จำเลยที่ 2 สั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นการกระทำนอกขอบเขตวัตถุประสงค์หรืออำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 3 ทำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นการส่วนตัวนั้น ฎีกาของโจทก์ข้อนี้เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ให้ยกคำร้องค่าคำร้องให้เป็นพับ

Share