คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(3) ให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจฟ้องร้องและต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ การที่เจ้าหนี้นำหนี้ที่ขาดอายุความแล้วมายื่นขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งมีอำนาจฟ้องร้องและต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ย่อมมีอำนาจที่จะอ้างเอาอายุความมาเป็นมูลยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ได้ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1)

ย่อยาว

คดีนี้มูลกรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่เจ้าหนี้ฎีกาว่า แม้ฟังว่าหนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ขาดอายุความ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่อาจยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ โดยอ้างเหตุว่าหนี้ขาดอายุความ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นหนี้ที่ไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1) นั้นเห็นว่าพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(3) บัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจฟ้องร้องและต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ฉะนั้นกรณีหนี้ที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระหนี้ขาดอายุความแล้วดังเช่นคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจที่จะอ้างเอาอายุความมาเป็นมูลยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียได้ และเมื่อได้ความว่าหนี้ที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ดังกล่าวขาดอายุความแล้ว จึงเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1)ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ชอบแล้ว ฎีกาของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share