แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดในค่าเสียหาย 4 รายการ รายการแรกเป็นค่าขาดประโยชน์ 30,000 บาท รายการที่ 2 ค่าเสื่อมราคารถยนต์ของโจทก์ที่ถูกชน 10,000 บาท รายการที่ 3 ค่าระวางพาหนะ 2,500 บาท และรายการที่ 4 ค่าเสียหายเกี่ยวกับสินค้าที่รับขน41,358 บาท ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 กล่าวในฎีกาเพียงว่าศาลล่างกำหนดค่า-เสียหายให้โจทก์สูงเกินไปไม่ควรเกิน 40,000 บาท นั้นไม่มีรายละเอียดว่ารายการไหนที่มีจำนวนสูงและสูงอย่างไร ถือไม่ได้ว่าเป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาล-อุทธรณ์ภาค 1 และที่กล่าวว่าโจทก์ได้รับของที่เสียหายไปแล้ว และทรัพย์สินเสียหายไม่มากนั้นก็ไม่ระบุว่าของหรือทรัพย์สินรายการใดที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยไม่ถูกต้องหรือควรกำหนดให้ต่ำลงมาอีก จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ส่วนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่ารถพิพาทและจำเลยที่ 1 มิใช่รถและลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษา-ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวว่า จำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์รถพิพาท จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถพิพาทในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ว่าไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไรจึงเป็นฎีกาไม่ชัดแจ้งเช่นกัน