คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4229/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271มิใช่เรื่องอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องอันจะอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติว่าด้วยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงไม่อาจนำบทบัญญัติเกี่ยวกับอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับแก่คดีนี้ได้หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมจำเลยทั้งสองตกลงจะชำระหนี้ให้เสร็จภายใน1ปีนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ชอบที่จะบังคับคดีจากจำเลยที่2ภายใน10ปีนับแต่วันครบกำหนดดังกล่าวแต่โจทก์นำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่2ขอให้ล้มละลายเมื่อพ้นกำหนด10ปีแล้วโจทก์ย่อมไม่มีสิทธินำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องขอให้จำเลยที่2ล้มละลายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงนำพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2ออกขายทอดตลาด เมื่อนำเงินที่จำเลยทั้งสองชำระบางส่วนกับที่ได้จากการขายทอดตลาดหักทอนกับหนี้ค้างชำระแล้ว จำเลยทั้งสองยังคงเป็นหนี้โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน 153,556.97 บาท จำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์อื่นใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์มีสิทธิบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองให้เสร็จภายใน 10 ปี ปัจจุบันพ้นกำหนด 10 ปี แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับคดี จำเลยทั้งสองมีทรัพย์มากกว่าหนี้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1ขาดอายุความบังคับคดี คดีมีเหตุไม่ควรให้จำเลยที่ 1 ล้มละลายและโจทก์ก็ไม่นำสืบให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นหนี้โจทก์เท่าใดแน่นอนและจำเลยที่ 2 ได้นำเงินมาวางศาลประกันการชำระหนี้พอกับหนี้ที่โจทก์อ้างว่ายังค้างชำระ คดียังไม่มีเหตุที่จะให้จำเลยที่ 2ล้มละลาย พิพากษายกฟ้อง
จำเลย ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เป็นอุทธรณ์นอกประเด็น ไม่ทำให้ผลเปลี่ยนแปลง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ว่าหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 ล้มละลายนั้นเป็นหนี้ที่โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้หรือไม่ย่อมเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงในการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของโจทก์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ด้วย ดังนั้นประเด็นที่ว่าโจทก์มีสิทธิที่จะบังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 2 ได้อีกหรือไม่จึงนับว่าประเด็นสำคัญโดยตรงในคดีหาใช่นอกประเด็นของคดีล้มละลายดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยไม่ และคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นดังกล่าวอาจมีผลผูกพันคู่ความในคดีและกระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ 2ให้ต้องผูกพันตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2จึงเป็นสาระแก่คดี แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นฝ่ายชนะในผลแห่งคดีก็ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 และพิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยและเพื่อมิให้คดีล่าช้า ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวน ปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิบังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 2ได้อีกหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า กำหนดเวลาให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 มิใช่เรื่องอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องอันจะอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติว่าด้วยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่อาจนำบทบัญญัติเกี่ยวกับอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับแก่คดีนี้ได้ เมื่อปรากฏว่าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมจำเลยทั้งสองตกลงจะชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2526 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับตามคำพิพากษาได้แล้ว การที่จำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้และโจทก์ได้บังคับเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ตามโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ที่เหลือจากจำเลยที่ 2 ภายใน10 ปี นับแต่วันที่ 19 มกราคม 2526 แต่โจทก์ได้นำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 2 ขอให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2536ซึ่งพ้นกำหนดสิบปีแล้ว โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะบังคับคดีเพื่อหนี้ตามฟ้อง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธินำหนี้ตามฟ้องมาเป็นมูลฟ้อง ขอให้จำเลยที่ 2 ล้มละลายได้ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share