คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4050/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งยี่สิบห้าเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ในศูนย์การค้าซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดสรรขาย ภายในศูนย์การค้ามีถนนรวม 6 สาย ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคที่จำเลยที่ 1 จัดทำขึ้น และเป็นภาระจำยอมเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ ต่อมาจำเลยที่ 1 ก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นทางเข้าออกทั้งหมด รถของบุคคลภายนอกที่จะผ่านเข้าออกจะต้องรับบัตรจาก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 และจะต้องเสียเงินค่าจอดรถตามระยะเวลาที่จอด แม้ประกาศของ คณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคหนึ่ง จะกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินที่จะต้องบำรุงรักษาสาธารณูปโภคให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นตลอดไป แต่ก็มิได้หมายความว่าจำเลยที่ 1 จะหารายได้จากสาธารณูปโภคดังกล่าวเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามิได้ เพียงแต่ต้องไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ส่วนโจทก์ทั้งยี่สิบห้าผู้ใช้ภาระจำยอมก็ต้องใช้เท่าที่จำเป็นตามสมควร มิใช่ใช้ได้โดยไม่มีขีดจำกัด
เสียงส่วนใหญ่ของการประชุมผู้อยู่อาศัยในศูนย์การค้าเมโทรตกลงให้จำเลยที่ 1 จัดการจราจรในศูนย์การค้า เมโทร หลังจากจำเลยที่ 1 ก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นทางเข้าออก โดยมีพนักงานเก็บค่าจอดรถแล้ว จำเลยที่ 1 จัดสติกเกอร์ให้แก่ผู้อยู่อาศัยในศูนย์การค้าเมโทรสำหรับติดรถยนต์และรถจักรยานยนต์สติกเกอร์ดังกล่าวสามารถใช้เข้าออกได้ทุกทางตลอดเวลาโดยสะดวกและไม่ต้องเสียเงินค่าจอดรถนับได้ว่าจำเลยที่ 1 ให้ใช้ภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินทุกแปลงภายในศูนย์การค้าเมโทรเท่าที่จำเป็นตามสมควรแล้ว แต่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ไม่เรียกเก็บเงินค่าจอดรถสำหรับรถทุกคันของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าแม้จะมีรถจำนวนมากเท่าใดก็ตาม ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นการใช้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมเกินสมควร การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้า และไม่ทำให้การใช้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก
การที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้านำแผงเหล็กปิดกั้นบนถนนหน้าอาคารพาณิชย์ของโจทก์ทั้งยี่สิบห้า หรือบางรายจอดรถจักรยานยนต์หรือวางวัสดุบนทางเท้า เป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่มีอำนาจกระทำได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1388 และมาตรา 1389

ย่อยาว

โจทก์ทั้งยี่สิบแปดฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ทั้งยี่สิบแปดเป็นผู้ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์อาคารพาณิชย์พร้อมที่ดินในโครงการศูนย์การค้าประตูน้ำหรือศูนย์การค้าเมโทรจากจำเลยทั้งสองที่จัดสรรขายแก่บุคคลทั่วไป ในการจัดสรรจำเลยทั้งสองได้ก่อสร้างถนน ๖ สาย เป็นสาธารณูปโภคแก่โครงการดังกล่าว โจทก์ทั้งยี่สิบแปดและผู้ซื้ออาคารพาณิชย์พร้อมที่ดินจากจำเลยทั้งสองได้ใช้ถนนทั้ง ๖ สาย ผ่านเข้าออกเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี แล้ว ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ปิดกั้นถนนทั้ง ๖ สาย โดยจำเลยทั้งสองกำหนดให้ผู้ขับรถผ่านเข้าออกต้องเสียเงินค่าตอบแทนให้จำเลยทั้งสองหรือตัวแทน การกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ทั้งยี่สิบแปดได้รับความเดือดร้อน ขอให้พิพากษาให้ถนน ดังกล่าวเป็นทางภาระจำยอมตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๐๑ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันจดทะเบียนภาระจำยอมถนนสาธารณะตลอดไป หรือให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา กับให้จำเลยทั้งสองเปิดทางภาระจำยอมและรื้อถอนป้อมยามพร้อมสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งกีดขวางออกไปจากทางภาระจำยอมโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง อีกทั้งห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารกระทำการใดๆ แก่ทางภาระจำยอม
ก่อนจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การ โจทก์ที่ ๑๗ และที่ ๑๘ ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การ แก้ไขคำให้การ และฟ้องแย้งขอให้พิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์ทั้งยี่สิบหกและบริวารนำรถไปจอดบนทางเท้าในบริเวณศูนย์การค้าเมโทร และมิให้นำแผงกั้นหรือวัสดุใดๆ ไปวางถนนและทางเท้า และมิให้กระทำการใดๆ อันเป็นการกีดขวางการใช้ถนนและทางเท้า
หลังจากจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การแล้ว โจทก์ที่ ๒๐ ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นอนุญาต
โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๖ ที่ ๑๙ และที่ ๒๑ ถึงที่ ๒๘ ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ ๒ เป็นประธานกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ ๑ ได้ และจำเลยที่ ๒ ได้ร่วมกระทำละเมิดกับจำเลยที่ ๑ ทางเท้าในบริเวณศูนย์การค้าเมโทรผู้อยู่อาศัยและบริวารใช้ประโยชน์เป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้ว การที่โจทก์นำแผงกั้นหรือวัสดุต่างๆ มาวางบนถนนและทางเท้านั้นเป็นไปตามข้อตกลงของจำเลยทั้งสอง เพราะสถานที่จอดรถที่จำเลยทั้งสองจะจัดให้นั้นจำเลยทั้งสองได้นำไปให้บุคคลอื่นเช่าประกอบการค้า โจทก์ทั้งยี่สิบห้ากับผู้อยู่อาศัยอื่นไม่เคยตกลงให้จำเลยทั้งสองก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นปิดเปิดบริเวณทางเข้าออกของถนนทั้ง ๖ สาย การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำโดยพลการ อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้า เพราะถนนพิพาทเป็นทางภาระจำยอม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ถนนกับทางเท้าพิพาทในศูนย์การค้าประตูน้ำหรือศูนย์การค้าเมโทรตกอยู่ในภาระจำยอม ห้ามโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๖ ที่ ๑๙ และที่ ๒๑ ถึงที่ ๒๘ นำยานพาหนะหรือวัสดุอื่นใดไปจอดหรือวางบนทางเท้า และห้ามโจทก์ทั้งหมดนำแผงกั้นหรือวัสดุสิ่งของอื่นๆ ไปวางบนถนนพิพาททั้งหกสายอันเป็นการกีดขวางการจราจรอีกต่อไป คำขออื่นๆ นอกจากนี้ให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๒
โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๖ ที่ ๑๙ และที่ ๒๑ ถึงที่ ๒๘ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๖ ที่ ๑๙ และที่ ๒๑ ถึงที่ ๒๘ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติว่า โจทก์ทั้งยี่สิบห้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อาคารพาณิชย์ใน ศูนย์การค้าประตูน้ำหรือศูนย์การค้าเมโทรซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดสรรขายเมื่อปี ๒๕๒๔ ภายในศูนย์การค้าเมโทรมีถนนรวม ๖ สาย ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคที่จำเลยที่ ๑ จัดทำขึ้น และเป็นภาระจำยอมเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๓๔ จำเลยที่ ๑ ได้ก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นทางเข้าออกทั้งหมดรวม ๕ จุด รถของบุคคลภายนอกที่จะผ่านเข้าออกจะต้องรับบัตรจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ ๑ และจะต้องเสียเงินค่าจอดรถตามระยะเวลาที่จอดคิดเป็นชั่วโมง ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งยี่สิบห้ามีว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้าและเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกอันเป็นการขัดต่อประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ ข้อ ๓๐ วรรคหนึ่ง อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นหรือไม่ และการที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าวางแผงเหล็กกั้นบนถนน จอดรถจักรยานยนต์หรือวางวัสดุบนทางเท้าในศูนย์การค้าเมโทร ทำให้จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหายหรือไม่ เห็นว่า ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๘/๒๕๓๔ คดีระหว่าง บริษัทสินพรชัย จำกัด โจทก์ บริษัทบางกอกฮิลตันโฮเต็ล จำกัด จำเลย ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับถนนทั้ง ๖ สาย ในศูนย์การค้าเมโทรของจำเลยที่ ๑ ว่าไม่ใช่ทางสาธารณะ ฉะนั้นถนนทั้ง ๖ สาย ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๑ ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จำเลยที่ ๑ จึงมีอำนาจจัดการใช้สอยดำเนินการเกี่ยวกับถนนดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ แม้ถนนทั้ง ๖ สายจะเป็นภาระจำยอมตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ ข้อ ๓๐ วรรคหนึ่ง แต่เสียงส่วนใหญ่ในการประชุมผู้อยู่อาศัยในศูนย์การค้าเมโทรตกลงให้จำเลยที่ ๑ จัดการจราจรในศูนย์การค้าเมโทร หลังจากจำเลยที่ ๑ ก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นทางเข้าออก โดยมีพนักงานเก็บเงินค่าจอดรถแล้วจำเลยที่ ๑ แจกสติกเกอร์สำหรับติด รถยนต์และรถจักรยานยนต์แก่เจ้าของอาคารพาณิชย์ทุกคูหา สติกเกอร์ดังกล่าวสามารถใช้เข้าออกได้ทุกทางตลอดเวลาโดยสะดวกและไม่ต้องเสียเงินค่าจอดรถแต่ประการใด จำเลยที่ ๑ ให้ผู้ที่จะขับรถเข้าไปในศูนย์การค้าเมโทรรับบัตรและเมื่อจะออกต้องคืนบัตรเพื่อป้องกันการโจรกรรมรถ ตั้งแต่จำเลยที่ ๑ ดำเนินการดังกล่าวไม่ปรากฏว่ารถในศูนย์ การค้าเมโทรสูญหายและจำเลยที่ ๑ ได้ปรับปรุงระบบไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ และถนนที่ชำรุดในศูนย์การค้าเมโทรด้วยหลังจากจำเลยที่ ๑ จัดระบบการจราจรทำให้การจราจรในศูนย์การค้าเมโทรคล่องตัวขึ้นเนื่องจากไม่มีบุคคลภายนอกนำรถเข้าไปจอดไว้อีก จึงน่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ กระทำการดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและเพื่อความสะดวกของการจราจรในศูนย์การค้าเมโทร ส่วนข้อที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดสรรที่ดินจึงมีหน้าที่บำรุงรักษาสาธารณูปโภคให้คงสภาพเดิม โดยจำเลยที่ ๑ ต้องเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง จึงไม่มีสิทธิเรียกเก็บเงินค่าจอดรถนั้น เห็นว่า แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ ข้อ ๓๐ วรรคหนึ่ง จะกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินที่จะต้องบำรุงรักษาสาธารณูปโภคให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นตลอดไป แต่ก็มิได้หมายความว่าจำเลยที่ ๑ จะหารายได้จากสาธารณูปโภคดังกล่าวเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามิได้ เพียงแต่ต้องไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ส่วนโจทก์ทั้งยี่สิบห้าผู้ใช้ภาระจำยอมก็ต้องใช้เท่าที่จำเป็นตามสมควร มิใช่ใช้ได้โดย ไม่มีขีดจำกัด จากข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ จัดสติกเกอร์ให้แก่ผู้อยู่อาศัยในศูนย์การค้าเมโทรสำหรับติด รถยนต์และรถจักรยานยนต์เพื่อนำรถเข้าไปจอดหรือเข้าออกในศูนย์การค้าเมโทรได้ทุกทางตลอดเวลาโดยสะดวกและไม่ต้องเสียเงินค่าจอดรถนั้น นับได้ว่าจำเลยที่ ๑ ให้ใช้ภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินทุกแปลงในศูนย์การค้าเมโทรเท่าที่จำเป็นตามสมควรแล้วแต่ว่าโจทก์ทั้งยี่สิบห้าประสงค์ให้จำเลยที่ ๑ ไม่เรียกเก็บเงินค่าจอดรถสำหรับรถทุกคันของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าแม้จะมีรถจำนวนมากเท่าใดก็ตาม อันเป็นการใช้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมเกินสมควร การกระทำของจำเลยที่ ๑ จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้า และไม่ทำให้การใช้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก
ส่วนการที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้านำแผงเหล็กปิดกั้นบนถนนหน้าอาคารพาณิชย์ของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าหรือบางรายจอดรถจักรยานยนต์หรือวางวัสดุบนทางเท้านั้น เป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่มีอำนาจกระทำได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๘ และมาตรา ๑๓๘๙ จำเลยที่ ๑ มีสิทธิห้ามได้ ที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าอ้างว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ดำเนินการก่อสร้างอาคารที่จอดรถตามที่ประกาศโฆษณาไว้นั้น ก็หาเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามีอำนาจกระทำการดังกล่าวไม่ และเมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้าเพราะเป็นการกระทำโดยชอบ ดังนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าฎีกาว่าต้องร่วมกับจำเลยที่ ๑ กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้า จึงไม่ต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share