คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4225/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยกล่าวว่า หากจำเลยได้มีโอกาสต่อสู้คดีแล้ว คดีของจำเลยมีทางชนะ แต่ทางชนะมีอยู่อย่างไรจำเลยไม่กล่าวถึง และที่คำพิพากษาไม่ชอบเป็นการพิจารณาไปฝ่ายเดียวนั้น ก็เป็นเรื่องที่จำเลยไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ศาลมีคำพิพากษา ดังนี้มิใช่ข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากห้องเลขที่ 647/7 ถนนพระรามหก ตำบลทุ่งพญาไท อำเภอพญาไทกรุงเทพมหานคร
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยและบริวารออกไปจากห้องพิพาท และให้จำเลยชำระค่าเสียหายถึงวันฟ้องให้โจทก์ 14,000บาท กับให้ชำระค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากห้องพิพาทให้โจทก์ด้วย กับให้ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,000บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่า จำเลยไปรับราชการต่างจังหวัดมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหากจำเลยได้มีโอกาสต่อสู้คดี จำเลยมีทางชนะคดีโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำร้องไม่เข้าองค์ประกอบตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยกล่าวว่า หากจำเลยได้มีโอกาสต่อสู้คดีแล้ว คดีของจำเลยมีทางชนะ แต่ทางชนะมีอยู่อย่างไรจำเลยไม่กล่าวถึง ดังนี้ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลจึงหาได้กล่าวโดยละเอียดแจ้งชัดดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจาณาความแพ่ง มาตรา 208 บัญญัติไว้ไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า ในคำขอให้พิจารณาใหม่จำเลยกล่าวโดยละเอียดแล้วว่าคำพิพากษาไม่ชอบเป็นการพิจารณาไปฝ่ายเดียวนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล แต่เป็นเรื่องที่จำเลยไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ศาลมีคำพิพากษา ไม่ทำให้คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายขึ้นแต่ประการใด ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยคดีชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share