คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4222/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์สิน แม้ตามสัญญาระหว่างจำเลยผู้เช่ากับวัดผู้ใช้เช่า จะห้ามมิให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าไปยังบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากวัด ก็ไม่ใช่ทรัพย์สิน ที่โอนกันไม่ได้ตามกฎหมาย เพราะหากวัดผู้ให้เช่ายินยอมก็สามารถ โอนกันได้ ทั้งไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่าเป็นทรัพย์ที่ไม่อยู่ ในความรับผิดแห่งการบังคดีดังนั้น สิทธิการเช่าของจำเลยจึงมิใช่ ทรัพย์ที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285(4)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ยอมชำระหนี้แก่โจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ คดีถึงที่สุดแล้วจำเลยที่ 2 ผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดสิทธิการเช่าที่ดินของวัดดอนแก้ว เนื้อที่ 140 ตารางวาและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นของวัดดอนแก้วซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่า สิทธิเช่าเป็นบุคคลสิทธิผูกพันระหว่างวัดดอนแก้วผู้ให้เช่ากับจำเลยที่ 2 ผู้เช่าถ้าขายทอดตลาดจะเป็นโมฆะ สิทธิการเช่ารายนี้จึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ขอให้ถอนการยึด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สิทธิการเช่าดังกล่าวเป็นทรัพย์สินแม้ตามสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 2 ผู้เช่ากับวัดดอนแก้วผู้ให้เช่าจะห้ามจำเลยที่ 2 มิให้โอนสิทธิการเช่าดังกล่าวไปยังบุคคลภายนอกโดยไม่รับความยินยอมจากวัดดอนแก้ว ก็ไม่ใช่ทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ตามกฎหมาย หากผู้ให้เช่ายินยอมก็สามารถโอนกันได้ ทั้งไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบัญญัติว่าเป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีสิทธิการเช่าของจำเลยที่ 2 จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
พิพากษายืน

Share