แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยกระทำความผิดฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ เพื่อให้พ้นจากการจับกุม โดยใช้รถกระบะของกลางเป็นพาหนะให้คนต่างด้าวนั่งโดยสารมาด้วยนั้น ถือไม่ได้ว่ารถกระบะของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวโดยตรงตาม ป.อ. มาตรา 33 (1) ทั้งตามปกติรถกระบะของกลางโดยสภาพมีไว้เพื่อบรรทุกคนและสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังที่อื่นอันเป็นวัตถุประสงค์ทั่งไป จึงริบรถกระบะของกลางไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และริบรถกระบะของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ริบรถกระบะของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก 6 เดือน เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 3 เดือน ไม่ริบรถกระบะของกลาง แต่ให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าต้องริบรถกระบะของกลางหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยกระทำความผิดฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 เพื่อให้พ้นจากการจับกุม โดยใช้รถกระบะของกลางเป็นพาหนะให้คนต่างด้าวนั่งโดยสารมาด้วยนั้น ถือไม่ได้ว่ารถกระบะของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวโดยตรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) ทั้งตามปกติรถกระบะของกลางโดยสภาพมีไว้เพื่อบรรทุกคนและสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังที่อื่นอันเป็นวัตถุประสงค์ทั่วไป จึงริบรถกระบะของกลางไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่ริบรถกระบะของกลางนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน