แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ของลูกหนี้เพื่อขายทอดตลาดแล้ว ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 278 ให้ทรัพย์ที่ยึดและเงินที่ขายทอดตลาดตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดี ลูกหนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ไม่มีอำนาจจะกระทำการอันเป็นการเสื่อมเสียต่อการบังคับคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เช่นลูกหนี้ทำสัญญายกเงินที่ขายทอดตลาดให้แก่ผู้ใด ผู้นั้นก็หามีอำนาจที่จะยกสิทธินั้นมาอ้างเพื่อขัดขวางสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่บังคับคดีหรือขอเฉลี่ยทรัพย์ ได้ไม่ และเมื่อปรากฎว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยึดทรัพย์ลูกหนี้ขายทอดตลาดแล้วเจ้าหนี้อื่นก็ไม่มีสิทธิขัดขวางสิทธิของเจ้าหนี้ที่ได้ดำเนินการบังคับดคีนั้น ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 290 ก็อนุญาตเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอเฉลี่ยในเงินที่ขายทอดตลาดได้เท่านั้นจะไปขอยึดทรัพย์นั้นโดยวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ก็หาทำให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนไม่
ย่อยาว
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ๔๗๑๓ บาท ๖๒ สตางค์ กับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ค่าทนายความ โจทก์นำเจ้าพนักงานยึดตึกแถวของจำเลยเมื่อวันที ๑๐ สิงหาคม ๒๔๙๑ ขายทอดตลาดเมื่อวันที ๒๓ สิงหาคม ได้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาทเศษ นายเต็ก สำเร็จประสงค์ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที ๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๒ ขอเฉลี่ยโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาคดีแดงที่ ๑๑๗๔/๒๔๙๐ เป็นเงิน ๕๑๘๘ บาท ฯลฯ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ โจทก์กับนายเต็กตกลงกันต่อศาลว่า ให้โจทก์ได้รับชำระหนี้จนครบถ้วนก่อนเหลือนั้นจึงให้นายเต็กมีสิทธิได้รับชำระหนี้
วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ นายสุจติรยื่นคำร้องว่าตึกที่โจทก์นำยึดและขายไปได้เงินสุทธิ ๒๔๒๖๕ บาท หักใช้หนี้โจทก์แล้ว เหลือ ๒๑๙๔๑ บาท ๘๐ สตางค์ เงินที่เหลือนี้จำเลยได้ทำหนังสือโอนให้ผู้ร้องเป็นการชำระหนี้เงินกู้ตั้งแต่วันที ๒๖ ตุลาคม ๒๔๘๒ นายเต็กจึงไม่มีสิทธิขอแบ่ง
วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๔๙๒ พระวุฒิศาสตร์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย และขอให้ศาลสั่งอายัดเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดในคดีที่นางหงษ์ยึดและขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ ให้อายัดเงินที่เหลือจากการชำระหนี้ให้แก่นางหงษ์ นายเต็ก สำเร็จประสงค์และนายสุจิตร์ ปัตตะโชติยื่นคำร้องคัดค้านการอายัด ต่อมาวันที ๒๑ มกราคม ๒๔๙๓ ศาลพิพากษาตามสัญญายอมความให้จำเลยใช้เงินแก่พระวุฒิศาสตร์เนติญาน อนึ่งเทศบาลนครกรุงเทพฯ ได้ร้องขอให้จ่ายเงินค่าภาษีอากรที่จำเลยค้างชำระก่อนด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เทศบาลนครกรุงเทพฯ มีสิทธิได้รับชำระหนี้ค่าภาษีอากรก่อน ที่เหลือให้ชำระให้แก่โจทก์ในคดีนี้และนายเต็ก สำเร็จประสงค์ ให้เพิกถอนคำสั่งอายัดลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ ในคดีดำที่ ๑๑๗๐/๒๔๙๒ ซึ่งพระวุฒิศาสตร์เนติญาณเป็นโจทก์ ยกคำร้องของนายสุจิตร ปัตตะโชติ นายสุจิตร พระวุฒิศาสตร์ เนติญาณ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายสุจิตรและพระวุฒิศาสตร์ เนติญาณฎีกาต่อมา
สำหรับนายสุจิตรนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามนัยแห่ง ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๗๘,๒๙๐ ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่า ลูกหนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ไม่มีอำนาจกระทำการอันเป็นการเสื่อมเสียต่อการบังคับคดีตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ และนายสุจิตร ปัตตะโชติมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินในทางบังคับคดีอย่างไรเลย
สำหรับพระวุฒิศาสตร์ ฯ นั้น ก็ปรากฎว่าคดีนี้ได้มีการยึดทรัพย์ขายทอดตลาดแล้ว เจ้าหนี้อื่นหามีสิทธิขัดขวางได้ไม่ การที่พระวุฒิศาสตร์ ฯ ขออายัดเงินที่เหลือจากการชำระหนี้ให้แก่นางหงษ์ โดยวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษานั้น จึงหาทำให้พระวุฒิสาสตร์ฯ มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนนายเต็กไม่
คดีนี้ ปรากฎว่าเงินที่ขายทอดตลาดได้ ไม่มีเหลือจากการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่ขอเฉลี่ย คำสั่งศาลล่างชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน