แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินส่วนของโจทก์ตามที่มีชือในโฉนดคืนจากจำเลย ๆต่อสู้ว่า โจทก์ขายที่ดินส่วนของโจทก์ให้จำเลยแล้วและมอบที่ดินส่วนนั้นให้จำเลยครอบครองไปจนกว่าจะได้จัดการโอนกรรมสิทธิให้แก่จำเลย ดังนี้ ประเด็นย่อมมีถึงว่าจำเลยจะมีสิทธิยึดถือที่ดินรายนี้ไว้ได้ต่อไปหรือไม่ด้วย ฉะนั้นศาลจำต้องฟังคำพยานโจทก์และจำเลยตามฟ้องและคำให้การต่อสู้ก่อน จะงดสืบพยานเสียโดยตัดสินให้จำเลยคืนที่ดินแก่โจทก์เพราะถือว่าโจทก์มีชื่อในโฉนดและการซื้อขายมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า สามีโจทก์มีกรรมสิทธิในที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๐ ร่วมกับจำเลย สามีโจทก์และจำเลยร่วมกันจำนองที่ดินแปลงนี้ไว้กับสหกรณ์คลองลคร ต่อมาสามีโจทก์ตกลงให้จำเลยเป็นฝ่ายออกเงินชำระดอกเบี้ยจำนองแทนโดยมอบที่ดินส่วนของสามีโจทก์ให้จำเลยทำนา จำเลยได้ทำนาตั้งแต่นั้นมาจนสามีโจทก์ตาย โจทก์รับมรดกได้เรียกให้จำเลยคืนที่ดินส่วนของสามีให้แก่โจทก์ จำเลยไม่ยอมจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า สามีโจทก์ไม่สามารถชำระหนี้จำนองส่วนของสามีโจทก์ให้แก่สหกรณ์ สามีโจทก์จึงตกลงขายที่ดินส่วนของสามีโจทก์ให้แก่จำเลย และให้จำเลยครอบครองที่ดินไปจนกว่าจะได้จัดการโอนกรรมสิทธิให้แก่จำเลย ที่ประชุมใหญ่สหกรณ์จึงปลดสามีโจทก์ออกจากสามชิกแล้วให้ฝ่ายจำเลยเข้ารับใช้หนี้แทนต่อไป
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าที่ดินมีโฉนดการซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ย่อมใช้ไม่ได้และจำเลยครอบครองมาเพียง ๖ ปี จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิพิพากษาให้คืนแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าข้อเท็จจริงได้ความดังจำเลยต่อสู้จำเลยมีสิทธิที่ยึดถือที่ดินรายนี้ไว้ต่อไปอีกในฐานะที่ได้รับมอบการครอบครองจากเจ้าของ และได้ชำระราคาที่ดินไปเสร็จแล้ว ซึ่งตามข้อตกลง จะมีการโอนกรรมสิทธิกันในเวลาต่อไป คดีจึงมีเหตุสมควรที่จะฟังข้อเท็จจริง ซึ่งโจทก์จำเลยจะนำสืบต่อไป เพราะโจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยยึดถือที่ดินไว้โดยชอบ ประเด็นย่อมมีถึงว่าจำเลยมีสิทธิยึดถือที่ดินรายนี้ไว้ได้ต่อไป หรือไม่ด้วย
จึงพิพากษายืน