คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4209/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ใช้เฉพาะกรณีที่เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายที่มิได้อุทธรณ์เท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลย คงให้แต่จำเลยร่วมรับผิด โจทก์ไม่อุทธรณ์ คดีสำหรับจำเลยจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยร่วมจึงขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142, 243,245 การที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อจำเลยร่วมหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกันเป็นคดีต่างหาก ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นมา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 670,208 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทฮอสปิตาลลิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยร่วมได้ทำสัญญาเข้ามาบริหารโรงแรมบางกอกพาเลสโฮเต็ล จำกัด โดยใช้ชื่อทางธุรกิจว่าโรงแรมเมอร์เคียวร์จำเลยและจำเลยร่วมไม่เคยว่าจ้างโจทก์ให้พิมพ์สินค้า ผู้ที่ว่าจ้างโจทก์คือ ดร.เจวิน ประสาด ซึ่งเป็นผู้รับจ้างดำเนินการเกี่ยวกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของโรงแรมผู้จัดการของจำเลยร่วมได้ว่าจ้าง ดร.เจวินประสาด ทำการโฆษณาให้กับจำเลยร่วม จำเลยร่วมได้ชำระเงินจำนวน250,000 บาท ให้แก่ ดร.เจวิน ประสาด ไปแล้วจำเลยและจำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมชำระเงินจำนวน 670,208 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 662,865 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลย

จำเลยร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยและจำเลยร่วมรวมกันชำระเงินจำนวน 670,208 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 662,865 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลย คงให้แต่จำเลยร่วมรับผิด โจทก์ไม่อุทธรณ์ คดีสำหรับจำเลยจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยร่วม จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142, 243, 245 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิดโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) นั้น เห็นว่าบทบัญญัติมาตราดังกล่าวใช้เฉพาะกรณีที่เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายที่มิได้อุทธรณ์เท่านั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ การที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อจำเลยร่วมหรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกันเป็นคดีต่างหาก ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นมา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share