คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4209/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 5 ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งรับคำให้การอ้างเหตุว่าตนมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การพร้อมกับยื่นคำให้การมาด้วย โดยยื่นมาก่อนที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “ขยายระยะเวลาไม่ได้เพราะการขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต้องขอก่อนสิ้นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 จำเลยมายื่นวันนี้พ้นกำหนด 8 วันแล้ว ทั้งไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัย ให้ยกคำร้อง’ คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งยกคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ มิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การอันถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามมาตรา 226 (1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดให้ร่วมกันชดใช้ค่าน้ำมันที่เจ้าหน้าที่บริหารงานสถานีบริการน้ำมันของโจทก์เบียดบังไป
จำเลยที่ ๕ ยื่นคำให้การเมื่อพ้น ๘ วันนับแต่วันที่มีผู้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องไว้แทนและจำเลยที่ ๕ ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๒๘ ขอให้ศาลชั้นต้นรับคำให้การโดยอ้างว่า เมื่อเจ้าพนักงานศาลนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ ๕ เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๒๗ โดยมีผู้รับไว้แทน ขณะนั้นจำเลยที่ ๕ ไม่ได้อยู่ที่สำนักงานเทศบาล ต่อมาจึงได้นำหมายเรียกมาให้เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๒๘ โดยแจ้งว่าเป็นการปิดหมาย จำเลยที่ ๕ จึงได้นำคำให้การมายื่นในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๒๘ มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าขยายระยะเวลาให้ไม่ได้ เพราะการขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต้องขอก่อนสิ้นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๓ จำเลยที่ ๕ มายื่นเมื่อพ้นกำหนดแปดวันแล้วทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุสุดวิสัย ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๕ อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๕
จำเลยที่ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลายื่นคำให้การแล้ว จำเลยที่ ๕ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งรับคำให้การโดยอ้างเหตุว่าจำเลยที่ ๕ มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การพร้อมกับยื่นคำให้การต่อศาลด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “ขยายระยะเวลาให้ไม่ได้เพราะการขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต้องขอก่อนสิ้นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ จำเลยมายื่นวันนี้พ้นกำหนด ๘ วันแล้ว ทั้งไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ” ปัญหาวินิจฉัยมีว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘ หรือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งยกคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยที่ ๕ มิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยที่ ๕ อันถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘ จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๖ (๑) ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share