แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการจดจำนองที่ดินพิพาทและลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจเป็นลายมือชื่อปลอม ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจที่เป็นเอกสารและโฉนดที่ดินพิพาทของโจทก์ที่ถูกลักไปไปจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาท จึงเป็นการกระทำไปโดยไม่มีอำนาจ ขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 705 การจำนองดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแต่อย่างใดแม้จำเลยที่ 2 จะรับจำนองที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตามก็ไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นกล่าวอ้างยันแก่โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดจำนองที่ดินดังกล่าว และขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 136552 ตำบลท่าแร้ง (หลุมไผ่) อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร คืนโจทก์กับร่วมกันชำระเงินจำนวน 400,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 136552 ตำบลท่าแร้ง (หลุมไผ่) อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร ที่ได้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2542 และให้จำเลยที่ 2 คืนโฉนดที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ถึงแก่กรรม นายวีระ ผู้จัดการมรดกของโจทก์ยื่นคำร้องขอเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 136552 ตำบลท่าแร้ง (หลุมไผ่) อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2542 จำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจที่มีลายมือชื่อโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการจดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ที่จำเลยที่ 1 กู้จากจำเลยที่ 2 ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน ครบกำหนดชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้และไม่ไถ่ถอนจำนอง ต่อมาจำเลยที่ 1 ถูกพนักงานอัยการฟ้องในข้อหาลักทรัพย์โฉนดที่ดินเลขที่ 136552 ของโจทก์ไป จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี และให้คืนโฉนดที่ดินพิพาทแก่โจทก์หรือใช้ราคา ตามสำเนาคำพิพากษา จำเลยที่ 2 ยังคงยึดถือโฉนดที่ดินพิพาทไว้อ้างว่ารับจำนองไว้โดยสุจริต
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการแรกมีว่า ลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจ เป็นลายมือชื่อปลอมหรือไม่ โจทก์เบิกความว่าการที่จำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจที่เป็นเอกสารปลอมและโฉนดที่ดินพิพาทของโจทก์ที่ถูกลักไปไปจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาท จึงเป็นการกระทำไปโดยไม่มีอำนาจ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 705 การจำนองดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแต่อย่างใด แม้จำเลยที่ 2 จะรับจำนองที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตามก็ไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นกล่าวอ้างยันแก่โจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย และเมื่อวินิจฉัยดังนี้ ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ว่า จำเลยที่ 2 รับจำนองที่ดินพิพาทโดยสุจริตหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ