คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10911/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาเป็นการกระทำในวันเวลาเดียวกันโดยเป็นการร่วมกันนำหรือพาเอาของต้องห้ามต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรและค่าภาษีศุลกากร และร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของต้องห้ามต้องจำกัดดังกล่าวอันเป็นของจำนวนเดียวกัน โดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงค่าอากร ซึ่งโจทก์มีคำขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองหลายกรรมต่างกันในความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 และมาตรา 27 ทวิ นั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยทั้งสองรับสารภาพนั้นมีลักษณะเป็นการกระทำผิดต่อเนื่องกันในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองกรณีนี้เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 หรือ มาตรา 27 ทวิ เพียงฐานใดฐานหนึ่งเท่านั้น โดยสภาพของการกระทำความผิดในคราวเดียวกัน กรณีไม่อาจเป็นความผิดทั้งสองฐานซึ่งเป็นความผิดสองกระทง เมื่อปรากฏว่าคำสั่งงดการฟ้องร้องของอธิบดีกรมศุลกากรมีผลเป็นการคุ้มกันจำเลยทั้งสองที่จะถูกฟ้องร้องในกรณีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ ดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว และกรณีเป็นเรื่องจำเลยทั้งสองกระทำความผิดในคราวเดียวกัน โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ได้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกับพวกตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27, 27 ทวิ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลางทั้งหมด กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายสินบนนำจับและเงินรางวัลให้เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27, 27 ทวิ (ที่ถูก ต้องประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานนำเข้าโดยไม่เสียภาษี ให้จำคุกคนละ 1 ปี ฐานซ่อนเร้นของนำเข้า ให้จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี ริบของกลาง ให้จ่ายสินบนและรางวัลตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า แม้ตามบันทึกข้อความและหนังสือของด่านศุลกากรจันทบุรีจะระบุว่า จำเลยทั้งสองยินยอมให้เปรียบเทียบปรับในความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายของต้องห้ามต้องจำกัดตามมาตรา 27 ทวิ ก็ตาม แต่หนังสือของด่านศุลกากรจันทบุรีที่มีไปถึงสารวัตรสถานีตำรวจภูธรตำบลสะตอนระบุว่า อธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้งดการฟ้องร้อง น่าเชื่อว่าเป็นการงดการฟ้องร้องจำเลยทั้งสองในการกระทำครั้งนี้ ถือว่าจำเลยทั้งสองได้รับความคุ้มกันที่จะถูกฟ้องร้องตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 102 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันนำหรือพาของต้องห้ามต้องจำกัดในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษีและยังไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่ากระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ นอกจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่าร่วมกันกระทำความผิดดังกล่าวข้างต้นแล้ว โจทก์ยังฟ้องจำเลยทั้งสองว่าร่วมกันกระทำความผิดฐานช่วยกันซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของที่จำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงค่าอากร อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ อีกด้วย เมื่อจำเลยทั้งสองยินยอมให้ศุลกากรจันทบุรีเปรียบเทียบปรับในความผิดฐานช่วยกันซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของที่จำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงค่าอากรตามมาตรา 27 ทวิ และอธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้งดการฟ้องร้อง ความผิดของจำเลยทั้งสองจึงระงับไปเฉพาะความผิดฐานนี้เท่านั้น โจทก์จึงยังมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 เห็นว่า คดีนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยทั้งสองรับสารภาพนั้นมีลักษณะเป็นการกระทำผิดต่อเนื่องกันในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองกรณีนี้เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 หรือมาตรา 27 ทวิ เพียงฐานใดฐานหนึ่งเท่านั้น โดยสภาพของการกระทำความผิดในคราวเดียวกัน กรณีไม่อาจเป็นความผิดทั้งสองฐานซึ่งเป็นความผิดสองกระทงดังที่โจทก์ฟ้องมาได้ เมื่อปรากฏว่าคำสั่งงดการฟ้องร้องของอธิบดีกรมศุลกากรมีผลเป็นการคุ้มกันจำเลยทั้งสองที่จะถูกฟ้องร้องในกรณีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ ดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว และกรณีเป็นเรื่องจำเลยทั้งสองกระทำความผิดในคราวเดียวกัน โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ได้อีก ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 102 ดังกล่าวที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share