แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่า ไม่ได้กู้ และกล่าวต่อไปว่า ถ้ามีสัญญากู้จริง โจทก์ทำขึ้นเพื่อฉ้อโกงจำเลย โดย
โจทก์เอาสัญญาให้จำเลยเซ็น และไปกรอกข้อความเอาโดยลำพัง ดังนี้จำเลยย่อมมีอำนาจสืบพยานตามที่ต่อสู้ได้
เพราะเป็นการสืบเพื่อทำลายล้างเอกสารทั้งฉะบับ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยขายฝากที่สวนยางไว้แก่โจทก์ แล้วภายหลังขายขาดให้แก่โจทก์ แต่ใช้แบบพิพม์สัญญากู้เงินทำ
ไว้ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยโอนขายสวนยางพิพาทแก่โจทก์ ฯลฯ
จำเลยปฏิเสธว่า มิได้ขายขาดให้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยต่อสู้ส่วนในข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยจะสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในเอก
สารหมาย จ. ๑ มิได้นั้น จำเลยได้ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กู้ และกล่าวต่อไปว่า ถ้ามีสัญญากู้จริงโจทก์ก็ทำขึ้นเพื่อฉ้อโกง
จำเลย โดยโจทก์เอาสัญญาให้เซ็น และไปกรอกข้อความเอาโดยลำพัง ตามคำให้การจำเลยเช่นนี้ จำเลยย่อมมีอำนาจสืบ
พยานได้ เพราะเป็นการสืบเพื่อทำลายล้างเอกสารทั้งฉะบับ ไม่ขัดต่อ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๙๔ แต่อย่างใด.
จึงพิพากษายืน.