คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง (เดิม) เมทแอมเฟตามีนที่จำหน่ายต้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม หรือตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสองและวรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) เมทแอมเฟตามีนจะต้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัม เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด แม้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ที่โจทก์นำสืบจะระบุปริมาณสารบริสุทธิ์ ศาลก็ไม่อาจลงโทษตามมาตรา 66 วรรคสองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ทั้งยังเป็นการรับฟังเป็นผลร้ายแก่จำเลยทั้งสอง จึงต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) อันเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2543 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 16,000 เม็ด น้ำหนัก 1,455.750 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 256.095 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 2,000 เม็ด น้ำหนักไม่ปรากฏชัด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อในราคา 92,000 บาท มีอาวุธปืนสั้น ขนาด .25 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ 1 กระบอก กระสุนปืน ขนาด .25 จำนวน 5 นัด และซองบรรจุกระสุนปืน 1 ซอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66,102 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลาง เว้นแต่ธนบัตรของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง, 102 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 30 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี สำหรับฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม ประกอบมาตรา 53 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 20 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 53 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 53 ปี 10 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงของจำเลยทั้งสองคงจำคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ริบขอกลาง เว้นแต่ธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อคืนเจ้าของ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง จำเลยที่ 2 กับพวกอีก 1 คน ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 16,000 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและคนทั้งสองได้ร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 2,000 เม็ด ให้แก่สายลับโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้องกับยึดเมทแอมเฟตามีน 16,000 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 256.096 กรัม ธนบัตร 92,000 บาท และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เครื่อง เป็นของกลาง คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 16,000 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่อย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 2,000 เม็ด ให้แก่สายลับตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือไม่… พยานหลักฐานโจทก์ตามที่นำสืบมามีเหตุผลและมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากความสงสัยว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จ่าสิบตำรวจมาโนชและสายลับจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า สมควรลงโทษจำเลยที่ 2 ในสถานเบาหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) และ มาตรา 66 วรรคสอง (เดิม) นั้น กฎหมายบัญญัติไว้ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตเป็นการลงโทษขั้นต่ำที่สุดตามกฎหมายบัญญัติไว้และลดโทษให้หนึ่งในสามแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดโทษให้ต่ำกว่านี้ได้อีก ส่วนความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,000 เม็ด ให้แก่สายลับตามคำฟ้องโจทก์นั้น โจทก์ไม่ได้บรรยายในคำฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด เพียงแต่บรรยายน้ำหนักไม่ปรากฏชัด ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) โจทก์ต้องบรรยายการกระทำทั้งหลายอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ทั้งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรค (เดิม) นั้น เมทเอมเฟตามีนที่จำหน่ายต้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม หรือตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสองและวรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) เมทแอมเฟตามีนของกลางจะต้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัม เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด แม้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ที่โจทก์นำสืบจะระบุปริมาณสารบริสุทธิ์ ศาลก็ไม่อาจลงโทษตามมาตรา 66 วรรคสองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง เพราะเกินคำขอและมิได้กล่าวในฟ้อง ทั้งยังเป็นการรับฟังเป็นผลร้ายแก่จำเลยทั้งสอง จึงต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) อันเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานนี้ตามมาตรา 66 วรรคสอง (เดิม) ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขปรับบทให้ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขโทษเสียใหม่ให้สอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
อนึ่ง คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองมีเมทแอมเฟตามีน 16,000 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 256.095 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2,000 เม็ด ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสอง (เดิม) ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดจริง แต่ไม่ปรับบทความผิดมาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) และไม่ระบุว่ามีความผิดตาม มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม) และไม่ระบุว่ามีความผิดตาม มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม) จึงเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกคนละ 15 ปี เมื่อลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 10 ปี รวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 43 ปี 4 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 43 ปี 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8.

Share