คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีอาวุธปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่เห็นว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 6 บัญญัติว่าถ้าผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่อาจขออนุญาตได้ตามกฎหมาย นำปืนมามอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วัน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ต่อมาโจทก์จะฎีกาว่าในขณะที่ศาลฎีกากำลังพิจารณาคดีนี้อยู่ ได้เลยกำหนดให้นำอาวุธปืนไปขึ้นทะเบียนเพื่อขออนุญาตแล้ว และจำเลยก็มิได้นำไปขึ้นทะเบียนภายในกำหนด จึงต้องมีความผิดฐานนี้อยู่ดังนี้ ฟังไม่ขึ้นเพราะเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถูกต้องตามบทกฎหมายที่มีอยู่ในเวลาพิพากษาคดีแล้ว แม้จำเลยจะมิได้นำปืนไปขอรับใบอนุญาตภายใน 90 วัน ก็ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปศาลฎีกาไม่มีเหตุที่จะต้องแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับไว้ ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงบุคคลอื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และจำเลยที่ ๑ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘จำเลยที่ ๒ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ตลอดชีวิต จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๐ ปี ลดรับสารภาพหนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยที่ ๑ กำหนด ๑๖ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ กำหนด ๖ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐มาตรา ๖ บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่อาจขออนุญาตได้ตามกฎหมายนำปืนไปมอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ภายใน ๙๐ วัน ผู้นั้นไม่ต้องได้รับโทษ เมื่อมีพระราชดังกล่าวในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยจึงไม่ต้องได้รับโทษ ส่วนข้อหาที่ว่าจำเลยฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นนั้นเห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์ยังมีข้อที่น่าสงสัย ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในข้อหาที่ว่าจำเลยฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นนั้นพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง
ส่วนข้อหาที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยอ้างว่าในขณะที่ศาลฎีกากำลังพิจารณาคดีนี้อยู่ ได้เลยกำหนดเวลา ๙๐ วันตามที่กฎหมายได้กำหนดให้ผู้มีอาวุธปืนนำไปขึ้นทะเบียนเพื่อขออนุญาตแล้ว และจำเลยมิได้นำอาวุธปืนดังกล่าวไปขึ้นทะเบียนภายในกำหนดจำเลยจึงต้องมีความผิดในข้อหาฐานนี้อยู่นั้น ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองได้รับการยกเว้นโทษตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนั้นชอบแล้วดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๘๙/ ๒๕๐๓ (ซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่)ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดตาก โจทก์ นายไม้ คำโต กับพวก จำเลยเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถูกต้องด้วยตัวบทกฎหมายที่มีอยู่ในเวลาพิพากษาคดีแล้ว แม้จำเลยจะมิได้นำปืนไปขอรับใบอนุญาตภายใน ๙๐ วัน ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้นเสียไปไม่ ศาลฎีกาจึงไม่มีอะไรที่จะแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งถูกต้องนั้น
พิพากษายืน

Share