คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่านา แล้วน้ำท่วมทำนาไม่ได้ไม่ทำให้ผู้เช่าหลุดพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องชำระค่าเช่า
ผู้เช่านาผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าและถูกเตือนแล้ว ก็ไม่ชำระผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาและเอานาคืนได้ ในกรณีเช่นนี้ผู้เช่าไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
การตั้งตัวแทนไปทวงค่าเช่าหรือบอกเลิกสัญญาเช่านั้น ไม่ต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องทำมีหลักฐานเป็นหนังสือ

ย่อยาว

โจทก์ให้จำเลยเช่านา 5 ปี คือ พ.ศ. 2484, 2485, 2486 ครั้นถึงปี 2485 น้ำท่วมจำเลยไม่ชำระค่าเช่าปี 2485 ได้ทวงให้จำเลยชำระจำเลยก็เฉย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเช่าสำหรับปี 2485 ฝ่ายจำเลยต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ได้

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่านาแก่โจทก์

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาตัดสินว่า จำเลยไม่ชำระค่าเช่า 2,000 บาทแก่โจทก์ตามสัญญา ที่จำเลยต่อสู้ว่า ปีนั้นการทำนาไม่ได้ผล (เพราะน้ำท่วม) จำเลยเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าช่วงไม่ได้ จึงมีสิทธิงดชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 369, 372 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า 2 มาตรานี้เป็นเรื่องการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยในสัญญาต่างตอบแทน กรณีไม่ต้องด้วย 2 มาตรานั้น การเช่านั้นหน้าที่ชำระหนี้ของผู้ให้เช่าอยู่ที่ส่งมอบทรัพย์ให้แก่ผู้เช่า เรื่องนี้โจทก์ก็มอบนาให้จำเลยแล้ว การที่จำเลยไปหากำไรไม่ได้หรือเก็บเงินจากผู้เช่าช่วงไม่ได้ หาทำให้การชำระหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นพ้นวิสัยไม่ และเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระโจทก์ก็บอกเลิกสัญญาเป็นอันระงับลงและเอาทรัพย์คืนได้ข้อที่จำเลยว่าโจทก์ใช้คนไปทวงค่าเช่าและบอกเลิกสัญญามิได้แต่งตั้งเป็นหนังสือนั้น ฟังไม่ขึ้นเพราะกรณี 2 อย่างนี้ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือและการที่จำเลยผิดสัญญาดังนี้แล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share