คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ออกเงินชำระหนี้จำนองแทนไปโดยคำขอร้องของลูกหนี้จำนองนั้นเป็นการจัดการแทนตัวการ ซึ่งตัวแทนชอบที่จะเรียกเงินที่ตนชำระแทนไปนั้นจากลูกหนี้จำนองซึ่งเป็นตัวการได้กรณีเช่นนี้ไม่เข้าลักษณะกู้ยืม
ข้อกฎหมายที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้แต่ศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมบิดามารดาจำเลยที่ 1, 2 เป็นลูกหนี้จำนองจำเลยที่ 3 โจทก์เป็นผู้ไถ่จำนองแทนจำเลยที่ 1, 2 โดยบิดามารดาจำเลยที่ 1, 2 ตกลงจะขายนานั้นให้โจทก์ ครั้นต่อมา จำเลยที่ 1, 2 สมยอมกับจำเลยที่ 3 ยอมจดทะเบียนให้จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของนาขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายอมความนี้ หรือให้นาตกเป็นของโจทก์หรือมิฉะนั้นให้จำเลยใช้เงินที่โจทก์ชำระหนี้จำนองแทนไปนั้นให้แก่โจทก์

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รูปคดียังไม่พอฟังว่า บิดามารดาจำเลยที่ 1, 2 ได้ตกลงขายที่ให้โจทก์ เป็นเพียงให้โจทก์ชำระหนี้จำนองแทนเท่านั้น โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้โอนที่พิพาท พิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2 ชำระเงินค่าไถ่จำนองให้โจทก์ 480 บาท

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า การที่โจทก์ออกเงินไปนั้น อนุโลมเข้าในลักษณะกู้ยืมเงินเกินกว่า 50 บาท เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาปรึกษาเห็นว่า เรื่องนี้ทางพิจารณาฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ออกเงินไถ่ที่พิพาท โดยคำร้องขอของบิดามารดาจำเลย โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินจากจำเลยที่ 1, 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้ คดีจัดเข้าอยู่ในลักษณะตัวแทนออกเงินไปในการกระทำกิจการของตัวการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797และ 816 จะอนุโลมลักษณะกู้ยืมไม่ได้ เพราะไม่มีการกู้ยืมกันส่วนข้อที่จำเลยแก้ฎีกาว่า คดีขาดอายุความนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัย พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share