แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปจอดรอพวกของจำเลย และเมื่อพวกของจำเลยชิงทรัพย์ของผู้เสียหายเสร็จ ก็กลับมานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยแล้วจำเลยขับหลบหนีไป พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก เป็นเพียงการใช้รถจักรยานยนต์ของกลางไปและกลับจากการกระทำความผิด เพื่อให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้นไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คน ร่วมกันชิงทรัพย์ของนางสาววิมล เกตุทรัพย์ ผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายกระชากคอเสื้อผู้เสียหายไว้ และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการชิงทรัพย์ดังกล่าว เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ 1 คัน เหตุเกิดที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา339, 340 ตรี, 83, 33 ริบรถจักรยานยนต์ของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 6,100 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบด้วย มาตรา 340 ตรีลงโทษจำคุก 15 ปี ริบรถจักรยานยนต์ของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 6,100 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ของกลางที่ศาลล่างทั้งสองสั่งริบนี้ เห็นว่า จำเลยได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปจอดรอเมื่อพวกของจำเลยซึ่งชิงทรัพย์ของผู้เสียหายเสร็จก็ได้กลับมานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยแล้วจำเลยขับหลบหนีไปพฤติการณ์ของจำเลยกับพวกคงฟังได้เพียงว่า เป็นการใช้รถจักรยานยนต์ของกลางไป และกลับจากการกระทำความผิด เพื่อให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น ไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์