คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4181/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนนั้น แม้จะเพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้และบรรดาผู้ติดต่อค้าขายกับห้างด้วย แต่ก็เพื่อประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วนของห้างเป็นประการสำคัญ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 ซึ่งแสดงว่าผู้เป็นหุ้นส่วนอาจตกลงไว้ในสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนให้ใครเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้ เมื่อปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. มีหุ้นส่วนเพียง 2 คน คือผู้ร้องซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดและ ว. สามีผู้ร้องซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ว. ถึงแก่กรรม มีผลให้ห้างเลิกและต้องตั้งผู้ชำระบัญชี การที่ผู้ร้องร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีเพราะผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ชำระบัญชีโดยคำสั่งศาลไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1253, 1254 และมีข้อขัดแย้งกันอยู่กับผู้ร้องจึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้ชำระบัญชีและตั้ง ส. เป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทนตามคำร้องของผู้ร้องได้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลมีคำสั่งตั้งนายดุษฎี บุณยะวณิช เป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอ็ม ฟาร์ม่า ตามที่ผู้ร้องขอ ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลถอนนายดุษฎีจากการเป็นผู้ชำระบัญชี อ้างว่านายดุษฎีไม่ปฏิบัติหน้าที่ผู้ชำระบัญชี และตั้งนายวิสันต์วิเศษวรรณกิจ เป็นผู้ชำระบัญชีแทน
นายดุษฎี บุณยะวณิช ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีแล้วแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ร้องซึ่งเป็นหุ้นส่วนในห้าง ไม่มีเหตุจะถอนผู้คัดค้านและตั้งนายวิสันต์ เป็นผู้ชำระบัญชีตามคำร้อง
ในวันนัดไต่สวนคำร้อง ทนายผู้คัดค้านแถลงว่าผู้คัดค้านไม่ได้บอกกล่าวแก่ประชาชนโดยโฆษณาหนังสือพิมพ์ ไม่ได้ส่งคำบอกกล่าวทางจดหมายลงทะเบียนไปยังเจ้าหนี้ และไม่ได้นำข้อความไปจดทะเบียนเลิกห้าง เพราะเหตุว่าผู้ร้องไม่ให้ความร่วมมือเมื่อสืบพยานผู้ร้องแล้วทนายผู้คัดค้านขอเลื่อนไปสืบพยานผู้คัดค้านในนัดหน้าศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้คัดค้านไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน จึงไม่มีสิทธิสืบพยาน และเห็นว่าคดีไม่มีความจำเป็นต้องสืบพยานต่อไป ให้งดสืบพยานผู้คัดค้าน มีคำสั่งให้ถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอ็ม ฟาร์ม่า และตั้งให้นายวิสันต์ วิเศษวรรณกิจ เป็นผู้ชำระบัญชีแทน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่รับคำคัดค้านของผู้คัดค้านเป็นต้นไปแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปความ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๓ ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ประการแรกต้องบอกกล่าวแก่ประชาชนโดยประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่าห้างหุ้นส่วนได้เลิกกันแล้ว ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชีและผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ประการที่สองต้องส่งคำบอกกล่าวอย่างเดียวกันเป็นจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ ไปยังเจ้าหนี้ทั้งหลายบรรดาที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดบัญชีหรือเอกสารของห้าง หน้าที่ทั้งสองประการนี้ผู้ชำระบัญชีจะต้องกระทำภายใน ๑๔ วัน นับแต่วันที่ศาลได้ตั้งผู้ชำระบัญชี แต่ตามคำแถลงของทนายผู้คัดค้าน ปรากฏว่าผู้คัดค้านยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งสองประการดังกล่าวนั้นเลย ซึ่งล่วงเลยเวลามาปีเศษแล้ว แม้ผู้ร้องจะไม่ได้อ้างมาในคำร้องว่าผู้คัดค้านไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ประการแรก ข้อเท็จจริงก็ปรากฏอยู่ตามคำร้องของทนายผู้ร้อบงว่าผู้คัดค้านไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ประการนี้ ส่วนหน้าที่ที่ผู้คัดค้านจะต้องส่งคำบอกกล่าวเป็นจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ไปยังเจ้าหนี้ของห้างนั้น แม้ผู้คัดค้านจะอ้างว่าเหตุที่ยังไม่ได้กระทำเพราะผู้ร้องไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้ดำเนินการอย่างไร ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึงปีเศษ ก็ต้องฟังว่าผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติหน้าที่นี้เช่นกัน นอกจากนั้นยังปรากฏว่าผู้คัดค้านมิได้ไปจดทะเบียนเลิกห้าง อันเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๕๔ อีกด้วย ศาลฎีกาเห็นต่อไปอีกว่าการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนนั้น แม้จะเพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้และบรรดาผู้ติดต่อค่าขายกับห้างด้วย แต่ก็เพื่อประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วนของห้างเป็นประการสำคัญประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๕๑ จึงบัญญัติว่า กรณีที่ห้างหุ้นส่วนเลิกกันเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลายอย่างเช่นคดีนี้ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างย่อมเข้าเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นแต่ข้อสัญญาของห้างจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นซึ่งแสดงว่าผู้เป็นหุ้นส่วนอาจตกลงไว้ในสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนให้ใครเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอ็ม ฟาร์ม่า มีหุ้นส่วนเพียง ๒ คน คือผู้ร้องซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด และนายวิเชียร เวชส่งเสริม ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ นายวิเชียรถึงแก่กรรม ห้างคงมีผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนเพียงคนเดียวมีผลให้ห้างเลิกและต้องตั้งผู้ชำระบัญชี ผู้ร้องเป็นภริยาและทายาทของนายวิเชียรเป็นผู้ร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชี ไม่มีทายาทอื่นของนายวิเชียรหรือผู้มีส่วนได้เสียคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องในคดี การตั้งผู้ชำระบัญชีในคดีนี้จึงกล่าวได้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องเป็นสำคัญ นอกจากนั้นยังปรากฏจากคำคัดค้านของผู้คัดค้านว่า เอกสารต่าง ๆ ของห้างอยู่ที่ผู้ร้อง ฉะนั้น การทำงานของผู้ชำระบัญชีก็คงจะต้องติดต่อกับผู้ร้องและอาศัยความร่วมมือของผู้ร้องด้วย จึงจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่ปรากฏว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านมีข้อขัดแย้งกันอยู่ หากผู้คัดค้านเป็นผู้ชำระบัญชีต่อไปความขัดแย้งดังกล่าวคงเป็นอุปสรรคแก่การชำระบัญชีเป็นแน่ จึงไม่สมควรที่ผู้คัดค้านจะรับหน้าที่ผู้ชำระบัญชีต่อไปอีกที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้ชำระบัญชีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยเป็นอย่างยิ่งและที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนายวิสันต์ วิเศษวรรณกิจ เป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่ ก็เป็นการตั้งตามคำร้องของผู้ร้อง ผู้คัดค้านไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งว่านายวิสันต์ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ชำระบัญชี ไม่มีเหตุอันสมควรที่ศาลอุทธรณ์จะเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นและย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่อีก
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้คงถอนและตั้งผู้ชำระบัญชีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ฎีกาให้เป็นพับ

Share