แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัส รักษาประมาณ 20 กว่าวันจึงจะหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่า รักษาแผล 10 วันหาย จำเลยเป็นคนดีขอให้ลงโทษสถานเบา โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านและมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาประมาณ 10 วันหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้มีดฟันนายมัด สุขแก้ว รวม ๒ แผล และได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บสาหัส ป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗
จำเลยให้การรับสารภาพ
นายมัดผู้เสียหายยื่นคำร้องว่าจำเลยเป็นหลานเขย มีความประพฤติดี บาดแผลผู้เสียหายรักษาประมาณ ๑๐ วันหาย ขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบา
โจทก์แถลงว่านายมัดผู้ร้องเป็นตัวผู้เสียหายจริง
โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗ จำคุก ๑ ปี ลดกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องว่าผู้เสียหายรักษาบาดแผลประมาณ ๑๐ วันก็หาย เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านและมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาไม่เกิน ๑๐ วัน และในคำร้องว่าจำเลยเป็นผู้มีความประพฤติดี พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕ จำคุก ๖ เดือน ลดตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ เดือน รอการลงโทษไว้ ๓ ปี ตามมาตรา ๕๖
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามใบชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง ลงความเห็นไว้เพียงว่ารักษาแผลประมาณ ๒๐ กว่าวันจึงจะหาย คือ เป็นการเพียงประมาณ ไม่ได้ยืนยันว่าเกินกว่า ๒๐ วัน ผู้เสียหายเองได้มายื่นคำร้องว่าผู้เสียหายได้รักษาบาดแผลประมาณ ๑๐ วัน แผลก็หาย เมื่อโจทก์ไม่คัดค้าน และมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาประมาณ ๑๐ วันก็หาย ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.