แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว บัญญัติไว้ชัดว่า การขนข้าวย้ายออกนอกเขตต์ ฯลฯ ให้ริบข้าวรวมทั้งสิ่งบรรจุและพาหนะใด ๆ ที่ใช้บรรทุกข้าวนั้นเสีย เป็นการบังคับไว้ให้ริบ +จำเลยใช้เรือมาดซึ่งฟังได้ว่าเป็น+ของจำเลยบรรทุกข้าวออกนอกเขตต์ ฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ศาลต้องริบเรือมาดที่ใช้เป็นพาหนะนั้นเสียด้วย โดยไม่ต้องคำนึงว่า การบรรทุกข้าวเป็นปัจจับสำคัญหรือไม่.
ย่อยาว
จำเลยใช้เรือมาดเป็นพาหะนะ บรรทุกข้าวออกนอกเขตต์จังหวัด เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งได้ประกาศและกำหนดเขตต์ไว้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ๒๔๘๙ มาตรา ๑๐ – ๑๓ กับให้รับของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้งดการริบเรือมาดของกลางโดยอ้างว่า เป็นเรือของผู้อื่น จำเลยเช่ามา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้คืนเรือแก่จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว บัญญัติไว้ชัดว่า การขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ ฯลฯ ให้ริบข้าวรวมทั้งสิ่งบรรจุ และพาหนะใด ๆ ที่ใช้ในการบรรทุกข้าวนั้นเสีย เรื่องนี้จำเลยใช้เรือมาดของกลางเป็นพาหนะบรรทุกข้าวออกนอกเขตต์ จึงต้องริบเรือนั้นเสียด้วย โดยไม่ต้องคำนึงว่าการบรรทุกข้าวเป็นปัจจัยสำคัญหรือไม่ เพราะ ก.ม.บังคับไว้ให้ต้องริบ ส่วนข้อที่จำเลยว่าเป็นเรื่อที่เช่าเขามานั้น จำเลยไม่มีหลักฐานอย่างใดมาพิสูจน์ จึงต้องฟังว่า เรือของกลางเป็นของจำเลยเอง จึงพิพากษากลับให้ริบเรือตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น