แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 113 บัญญัติห้ามมิให้พยานเบิกความโดยอ่านจากข้อความที่เขียนมา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลหรือเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญนั้น ก็โดยมีเจตนารมณ์เพื่อไม่ให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบในเชิงคดี การที่พยานเบิกความถึงตัวเลขตามที่พยานจดมาซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรากฏในเอกสารที่พยานเบิกความรับรองส่งอ้างเป็นพยานต่อศาลอยู่แล้ว และศาลก็พิจารณาตัวเลขจากเอกสารเองได้ จึงไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียเปรียบในเชิงคดี และการที่ศาลชั้นต้นจดข้อความตามที่พยานอ่านข้อความที่จดมาเกี่ยวกับตัวเลขโดยไม่มีการทักท้วงถือได้ว่าพยานได้รับอนุญาตจากศาลให้อ่านข้อความที่จดมาได้โดยปริยายแล้ว ศาลจึงรับฟังข้อที่พยานเบิกความโดยอ่านข้อความที่จดมานั้นได้
ย่อยาว
มูลคดีสืบเนื่องมาจากทนายจำเลยแถลงคัดค้านว่านายไชยวิทย์ พยานโจทก์จดคำเบิกความมาอ่นให้ศาลฟังทั้งที่มิใช่เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญโดยทราบเรื่องนี้หลังจากทนายโจทก์ถามพยานจบแล้ว ขอให้ศาลไม่รับฟังคำเบิกความของพยานปากนี้และเอกสาร 23 ฉบับที่นายไชยวัฒน์เบิกความรับรองเป็นพยานที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 113 ทนายโจทก์แถลงว่านายไชยวิทย์พยานโจทก์เบิกความตามที่จดมาเฉพาะตัวเลขจำนวนดอกเบี้ยตามตั๋วสัญญา 2 ฉบับที่จำเลยวางไว้เป็นหลักประกันที่พยานจะต้องเบิกความถึงเท่านั้นส่วนคำเบิกความในตอนอื่น ๆ ก็เบิกความโดยมิได้อ่านข้อความใด ๆ ขอให้ศาลสั่งยกคำร้องคัดค้านของทนายจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องคัดค้านของพยานจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะที่นายไชยวัฒน์พยานโจทก์เบิกความถึงจำนวนดอกเบี้ยตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 2 ฉบับที่จำเลยวางเป็นหลักประกันนั้น ตัวเลขจำนวนดอกเบี้ยก่อนหักภาษีและหลังหักภาษีพยานจำไม่ได้แน่ว่าจำนวนเท่าใด จึงดูตัวเลขดังกล่าวตามที่พยานจดมาจากเอกสารที่ส่งอ้างเป็นพยานต่อศาลอยู่แล้วเท่านั้น และหลังจากนั้นพยานได้เบิกความต่อจนเสร็จโดยไม่มีการอ่านข้อความใด ๆ แล้ววินิจฉัยว่าการเบิกความถึงตัวเลขตามเอกสารตามที่พยานโจทก์จดมา เมื่อพยานเบิกความรับรองเอสารที่ส่งอ้างแล้ว แม้จะไม่เบิกความถึงจำนวนตามตัวเลขที่ปรากฏในเอกสาร ก็มีทางที่ศาลจะตรวจสอบตัวเลขตามเอกสารได้อยู่แล้ว การที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 113 บัญญัติห้ามมิให้พยานเบิกความโดยอ่านจากข้อความที่เขียนมา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลหรือเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญนั้น ก็โดยมีเจตนารมณ์เพื่อไม่ให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบในเชิงคดีเท่านั้น กรณีนี้เป็นเรื่องที่พยานเบิกความถึงตัวเลขที่ปรากฏในเอกสารที่รับรองส่งอ้างเป็นพยานต่อศาลอยู่แล้ว และศาลก็พิจารณาตัวเลขจากเอสการเองได้ จึงไม่ทำให้ฝ่ายจำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี และการที่ศาลชั้นต้นจดข้อความตามที่พยานโจทก์อ่านข้อความที่จดทาเกี่ยวกับตัวเลขโดยไม่ทักท้วง ย่อมถือได้ว่าพยานได้รับอนุญาตจากศาลให้อ่านข้อความที่จดมาได้โดยปริยายแล้ว
พิพากษายืน