แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่เคยต้องโทษฐานทำร้ายร่างกายมาแล้ว 2 ครั้งครั้งหลังได้ถูกลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาอีก แต่ปรากฏว่าโทษครั้งก่อนๆ นั้นระยะเวลาห่างไกลกับโทษครั้งนี้ถึง20 ปีและ 16 ปี และความผิดครั้งนี้ก็เกิดจากการวิวาทกัน ดังนี้ ยังไม่ถือว่า จำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายและยังไม่ควรกักกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้แทง ย. และนาง ค. โดยเจตนาฆ่า ย. ได้ถึงแก่ความตาย ส่วนนาง ค. มีบาดเจ็บขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษกักกันจำเลย จำเลยต่อสู้ว่า ทำไปเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 7 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 ฐานเดียว ส่วนข้อหาว่าทำร้ายนาง ค. โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นในข้อกักกันเห็นว่า จำเลยเคยต้องโทษฐานทำร้ายร่างกายมาแล้ว 2 ครั้งแสดงว่าจำเลยเป็นคนดุร้าย ผิดตามพระราชบัญญัติกักกันฯ 2479 มาตรา 8 ให้ลงโทษกักกันอีก 3 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษฐานกักกันเสีย นอกนั้นคงยืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ๆ แรกเรื่องทำร้ายร่างกาย จำคุก 6 เดือนพ้นโทษเมื่อ พ.ศ. 2472 ครั้งที่ 2โทษหนีราชการทหาร, ลักทรัพย์,ทำร้ายร่างกาย จำคุก 11 เดือน พ้นโทษเมื่อ พ.ศ. 2476 ซึ่งเป็นระยะเวลาห่างไกลกับการกระทำผิดคราวนี้ถึง 20 ปีและ 16 ปี และการกระทำผิดคราวนี้ ก็เกิดเนื่องจากสมัครใจวิวาทกัน เห็นว่ายังไม่พอจะถือว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้าย ยังไม่ควรลงโทษกักกัน
พิพากษายืน